บลจ.ทิสโก้ หาจังหวะหุ้นผันผวน จ่อตั้ง ‘ทริกเกอร์ฟันด์’

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดดัชนีหุ้นไทยจะผันผวนตามตลาดโลก ทั้งปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในแต่ละรอบจะมีความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย และเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว 

สำหรับปัจจัยดังกล่าวบริษัทมองเป็นโอกาสของการจับจังหวะลงทุนให้กับลูกค้า ด้วยการออกเสนอขาย “กองทุนทริกเกอร์ฟันด์” เพิ่มเติมช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนที่ช่วยสร้างผลตอบแทนระยะสั้น 3-6 เดือน  และมีโอกาสที่เราจะถึงเป้าหมายได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนด อย่างเช่น ในช่วงที่ผ่านมา เราได้ออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ระยะเวลา 5 เดือน แต่สามารถถึงเป้าหมาย ผลตอบแทน 5% ภายในระยะเวลา3 เดือนเท่านั้น 

 อย่างไรก็ตามบลจ.ทิสโก้ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือปีนี้และในปีหน้า  แต่ต้องจับตาเงินเฟ้อสหรัฐที่จะประกาศรอบหน้า ที่ตลาดคาดจะชะลอตัวลงซึ่งจะส่งผลต่อท่าทีการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดขึ้นอาจเบาลงกว่าที่ตลาด  ดังนั้น ระยะสั้นมองตลาดยังผันผวนช่วง 6 สัปดาห์ รอทิศทางชัดเจนและซึมซับข่าวลบ หากดัชนีหลุด 1,600 จุด เป็นโอกาสในการลงทุน

ทั้งนี้มองกรอบดัชนีช่วงที่เหลือจนถึงสิ้นปีนี้ ที่ 1,550-1,750 จุด เพราะปัจจัยภายในประเทศไทยยังแข็งแกร่งเป็นหลัก  ทั้งการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ สภาพคล่องสูง กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป อีกไม่เกิน 0.5% ในช่วงที่เหลือปีนี้ จากดอกเบี้ยนโยบายระดับ 0.75% ในปัจจุบัน  อีกทั้งหากเฟดเปลี่ยนท่าทีกลับมาผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ย คงดอกเบี้ยหรือลดดอกเบี้ย ทำให้ตลาดหุ้นปีหน้าสดใสขึ้น

      

นายสาห์รัช กล่าวว่า จากภาพรวมตลาดปีนี้เป็นขาลงทั่วโลก รวมถึงประเทศ ไทย ทำให้ 8 เดือนปีนี้ สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ ( AUM ) ของอุตสาหกรรมกองทุนรวม หดตัวราว 17% หรือมีมูลค่าเท่ากับ 5 ปีก่อน เพราะราคา NAV ของกองทุนที่ปรับตัวลง เป็นหลัก 

รวมถึงในปีนี้ ผู้จัดการกองทุน แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุน และพบว่าส่วนใหญ่ผู้ลงทุนยังถือครองกองทุนอยู่ หรือหากครบกำหนด มีทั้งถือเงินสดไว้รอลงทุนหรือสลับเข้าลงทุนในกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนสร้างผลตอบแทนในระยะข้างหน้าได้ 

อย่างไรก็ตามคาดไตรมาส 4 ปีนี้ จะมีเงินลงทุนไหลกลับมาเข้ามาเพิ่มขึ้นได้ เพราะ หาก บลจ.ทิสโก้ สามารถหาจังหวะออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์กองใหม่ ให้ผลตอบแทนในช่วงตลาดผันผวนกับลูกค้าได้ระดับ 5% และปกติช่วงปลายปีจะมีเงินลงทุนเพื่อประหยัดภาษี เข้ามาในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)