ก.ล.ต. ลุ้น แบงก์ชาติ ผุด 'บาทสเตเบิลคอยน์' หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล

นางสาวจอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ความคืบหน้าการทำ “บาทแบ็คสเตเบิลคอยน์” (Bath-Backed Stablecoin) ปัจจุบัน ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อพิจารณาแนวทางส่งเสริมนวัตกรรมดังกล่าวการใช้ในระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเหมาะสม  

"ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างหารือและรอความชัดเจนในแนวทางหลักเกณฑ์ต่างๆ ของธปท. ที่จะให้ Programmable payment ของธปท. มีลักษณะเป็นบาทแบ็คสเตเบิลคอยน์ได้หรือไม่ ซึ่งหากธปท. เห็นชอบคงจะต้องมีการแก้กฎหมายรองรับต่อไป"

สำหรับ “บาทแบ็คสเตเบิลคอยน์” (Bath-Backed Stablecoin) ก.ล.ต. มองว่าก็มีลักษณะไม่ต่างหรือใกล้เคียง Programmable payment ของธปท. ที่ให้เอกชนออกระหว่างกันได้ ซึ่ง ก.ล.ต. คงจะต้องหารือกับทางธปท. ก่อนว่าจะมีความเห็นอย่างไรต่อไป ดังนั้น เราก็รออยู่เพื่อสนับสนุนในแนวคิดการพัฒนาระบบนิเวศน์หลักของสินทรัพย์ดิจิทัลให้เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน ในฝั่ง ก.ล.ต. เพื่อรองรับ “บาทแบ็คสเตเบิลคอยน์” ยังต้องรอแก้ไขกฎหมายหลัก คือ พ.ร.บ. หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ เกี่ยวข้องกับแนวทางการพัฒนาระบบนิเวศหลักทรัพย์ อิเล็กทรอนิกส์ (Digital Securities Ecosystem) ของตลาดทุนไทย และ ก.ล.ต. ยังทยอยแก้ไขกฎหมายลูก เพื่อมารองรับต่อไป

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธปท. ได้ทดสอบ programmable payment ภายใต้ Enhanced Regulatory Sandbox ขณะที่ ก.ล.ต. เปิดโครงการ Digital Asset Regulatory Sandbox ตั้งแต่เดือนส.ค. 2567 เพื่อรองรับนวัตกรรมที่เกี่ยวกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมแล้ว 3 ราย ได้แก่ บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการ 1-25 พ.ย. 2567, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการ 4 ส.ค. 2568-3 ส.ค. 2569 และบริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการ 23 ก.ค. 2568-30 พ.ย. 2568

ซึ่งมีการเปิดเผยบนหน้าเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. สำหรับผู้เข้าร่วมทดสอบทั้ง 3 ikp เป็นการดำเนินการซึ่งเข้าร่วมการทดสอบการชำระราคาที่มีการกำหนดเงื่อนไขอัตโนมัติ (programmable payment) ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Digital Asset Regulatory Sandbox ของสำนักงาน ก.ล.ต. และ Enhanced Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ การทดสอบต้องอยู่ภายในระยะเวลาทดสอบตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดด้วย​

อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าทดสอบมีการให้บริการแปลงเงินบาทหรือคริปโทเคอร์เรนซีเป็น programmable payment เพื่อใช้ชำระค่าใช้จ่ายสำหรับสินค้าหรือบริการในหลากหลายรูปแบบ เช่น ซื้อสินค้ากับร้านที่เข้าร่วมโครงการ, ซื้อ coupon ส่วนลดบนร้านค้าออนไลน์ผ่าน application ที่กำหนด

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ก.ล.ต.ได้ติดตามการให้บริการภายใต้โครงการทดสอบอย่างใกล้ชิด และขณะนี้อยู่ระหว่าง pre-consult อีก 4 ราย โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการ ทดสอบ Programmable Payment ภายใต้ Enhanced Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศ ได้ที่ Programmable Payment

นางสาวจอมขวัญ กล่าวว่า หากผลักดัน “บาทแบ็คสเตเบิลคอยน์” มาใช้ได้จริงจะเกิดประโยชน์ทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการเงินสามารถนำเหรียญดิจิทัลมาใช้จ่ายแทนเงินการใช้สมาร์ทคอนเท็ค และระบบตลาดทุน เช่น รองรับการออกบอนด์โทเคน ซึ่งหน่วยโทเคน สามารถมีจ่ายผลตอบแทนเป็นบาทสเตเบิลคอยน์ ซึ่งมองจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาโลกการเงินเดิมๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังมีความปลอดภัยภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และ ธปท. แน่นอนทั้งหมดเป็นการช่วยส่งเสริมระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตได้

สำหรับ บาทแบ็คสเตเบิลคอยน์ในรูปแบบ Programmable payment ของธปท. นั้น เปิดให้เอกชนเป็นผู้ออกและทางธปท. และ ก.ล.ต. เข้าไปกำกับดูแลจะมีความแตกต่างกับ “หยวนดิจิทัล” และ “เยนดิจิทัล” ในรูปแบบ CBDC ที่ธนาคารกลางเป็นผู้ออก

โดยปัจจุบันมองระบบการชำระเงินดิจิทัลในไทย อย่าง “พร้อมเพย์” มีประสิทธิภาพมากเข้าช่วยให้คนไทยโอนเงินและชำระเงินได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เงินสดหรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ แต่มองว่าสิ่งยังขาด Programmable payment ของ ธปท. มีความใกล้เคียงกับสเตเบิลคอยน์ที่พูดถึงกัน เช่น ออกบอนด์โทเคนแล้วนำมาแลกเปลี่ยนกับบาทสเตเบิลคอยน์ได้

ทางด้าน แหล่งข่าววงการคริปโทเคอร์เรนซี่มองว่า การที่ธปท. เปิดเซนบ็อกซ์ Programmable Money สะท้อนแนวโน้มของธปท. ที่มีโอกาสทำ “บาทแบ็คสเตเบิลคอยน์” ในลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องท่ี่ดีในการพัฒนาเศรษบฐกิจดิจิทัลของไทย แต่จะเริ่มใช้ได้เมื่อไหร่ยังต้องรอความชัดเจนจากธปท.