‘กูรู’เปรียบคริปโทเหมือน‘ทองคำ’ นโยบาย‘ทรัมป์’หนุนสินทรัพย์ดิจิทัล

‘กูรู’เปรียบคริปโทเหมือน‘ทองคำ’ นโยบาย‘ทรัมป์’หนุนสินทรัพย์ดิจิทัล มองสินทรัพย์เสี่ยงยังน่าจะไปต่อได้
หนึ่งในนโยบายของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ส่งผลให้ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เหรียญบิตคอยน์พุ่งขึ้นทำ “สถิติสูงสุด” เป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่แตะ 109,241 ดอลลาร์/BTC หรือพุ่งขึ้นถึง 5.5% แต่ทว่าในการกล่าวสุนทรพจน์ของ ทรัมป์ กลับไม่มีการกล่าวถึงนโยบายคริปโทเคอร์เรนซี ราคาบิตคอยน์ร่วงลงมากกว่า 1,200 ดอลลาร์ ลดลง 1.20% มาอยู่ที่ 102,311 ดอลลาร์ “กูรู” มองว่า ผันผวนระยะสั้น ยังเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน เพราะในอนาคตคริปโทฯ เปรียบดั่ง “ทองคำ”
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้เปิดตัวเหรียญมีม $TRUMP ในวันแรกจาก 3 ดอลลาร์ ไปแตะจุดสูงสุดที่ 76.94 ดอลลาร์ ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ส่งผลให้มูลค่าตลาดพุ่งแตะ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 5.25 แสนล้านบาท และ $MELANIA ของ เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดเช่นกัน
“ณัฐพงษ์ ชรัวสวรรค์” นักวิเคราะห์ บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การเข้ามาของทรัมป์ทำให้ภาพรวมของตลาดคริปโทฯ เป็นบวก แต่ว่าเหรียญที่จะได้ประโยชน์ในขณะนี้จะเป็นเหรียญที่สร้างโปรเจกต์คริปโทฯ ในสหรัฐ ซึ่งจะได้รับการซัพพอร์ตมากกว่า เพราะทรัมป์ก็ต้องการอยากจะให้ธุรกิจในประเทศได้ครองมาร์เก็ตแชร์ของโลก รวมถึงการกำกับดูแลของก.ล.ต.สหรัฐ เริ่มผ่อนปรนมากขึ้น
ทั้งนี้ ในกรณีที่บิตคอยน์ร่วงลงมาในวันสาบานตน เพราะหลายคนคาดหวังว่า ทรัมป์มีนโยบายออกมา แต่กลับไม่มีในวันนั้น ทำให้คนผิดหวัง แต่เป็นเพนิกระยะสั้น ๆ เท่านั้น เพราะทรัมป์ ยังคงสนับสนุนบิตคอยน์ในประเทศ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้สร้างกองทุน World Liberty Financial ที่ทยอยซื้อเหรียญคริปโทฯ ในสหรัฐ ถึงแม้ว่า ทรัมป์จะไม่ได้พูดในวันสาบานตน แต่กองทุนก็ยังมีการซื้อเหรียญเรื่อยๆ
“ความเสี่ยงในช่วงนี้มองว่า นักลงทุนสามารถเสี่ยงได้มากกว่าช่วงก่อนหน้า เพราะภาพรวมของคริปโทฯ มีความชัดเจนมากขึ้น และในระยะกลางยังเป็นปัจจัยบวก ทั้งสภาพคล่อง พันธบัตรสหรัฐ 10 ปียังคงร่วงลง ดังนั้น สินทรัพย์เสี่ยงยังน่าจะไปต่อได้ แต่หากเป็นนักลงทุนใหม่ ๆ แนะนำว่า พยายามซื้อตัวกองทุนของทรัมป์ซื้ออยู่ โดยเราสามารถซื้อตามได้ เป็นเหรียญที่อยู่ในสหรัฐก็จะทำให้เสี่ยงน้อย หรือเป็นเหรียญที่อยู่ในกองทุน Grayscale เป็นต้น”
“ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด ผู้ออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน “เรียลเอ็กซ์” ให้ข้อมูลเสริมว่า รัฐบาลทรัมป์บูมบิตคอยน์ค่อนข้างมาก ทั้งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และประธานก.ล.ต. ขณะที่ตัวทรัมป์เองมีการออกเหรียญมีม $TRUMP และภรรยาทรัมป์ออกเหรียญ $MELANIA ที่คล้าย ๆ Dogecoin แต่อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตไม่สะดุดทางการเมืองก่อนในระยะ 1-2 ปีนี้ น่าจะบูมเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ในช่วงหลังจาก 2 ปีไปแล้ว จะมีการเลือกตั้งกลางเทอม หากสภาคองเกรสเกิดมีปัญหาครองเสียงข้างน้อย ทรัมป์ก็โดนเรื่องของการออกเหรียญมีมคอยน์ เพราะมองเป็นผลประโยชน์ที่ซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม กระแสของคริปโทฯ มาค่อนข้างเยอะ เพราะส.ส.พรรคริพับลิกัน ให้การสนับสนุนคอ่นข้างมาก หากดูภาพของบิตคอยน์ใหญ่ ๆ มีด้วยกัน 2 เหตุการณ์ คือ บิตคอยน์ ETF เมื่อวันที่ 10 ม.ค. และเหตุการณ์ที่ 2 ใหญ่ คือจะนำบิตคอยน์มาเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 2 แสนบิตคอยน์
โดยมองว่าภาพรวมของตลาดคริปโทฯ ยังอยู่ในช่วงผันผวน “ขาขึ้น” เพราะบิตคอยน์ทำ All Time High 109,241 ดอลลาร์/BTC แสดงให้เห็นว่า มีความร้อนแรง และยังได้รับการกระตุ้นจากรัฐบาลทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมา และมองว่า บิตคอยน์ไม่น่าจะต่ำไปที่ 80,000 ดอลลาร์/BTC
สำหรับการลงทุนในระยะยาวนักลงทุนต้องดู Mindset ของตัวเองว่า ทนแรงเสียทานได้หรือไม่ หากบิตคอยน์ปรับตัวลงมาแรง ส่วนลงทุนระยะสั้น หรือการเก็งกำไรอาจจะต้องเหนื่อย เพราะราคาแกว่งค่อนข้างเยอะ ขณะเดียวกันจะมีสาวกบิตคอยน์ที่หากราคาลงมาต่ำแรง ๆ ก็ยังสามารถถือไว้ได้ เพราะมองว่า บิตคอยน์คือ “ทองคำ” ในอนาคต