บิตคอยน์ดีดตัวแตะ 1.88 ล้านบาท ดีมานด์ต่อวันพุ่ง เกินกำลังเหมืองขุดคริปโท
บิตคอยน์ดีดตัวแตะ 1.88 ล้านบาท หรือ 52,ดอลลาร์ ดันมาร์เก็ตแคปทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมี 2 ปัจจัยหลักเป็นแรงกระตุ้นคือ ฟันด์โฟลว์ที่ไหลเข้า ต่อเนื่อง และใกล้ถึง Having นักวิเคราะห์ชี้ อุปสงค์ของบิตคอยน์เริ่มแซงหน้าอุปทานที่ขุดได้เพียงวันละ 900 เหรียญบิตคอยน์เท่านั้น
ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin: BTC) เคลื่อนไหวในเชิงบวก วานนี้(14 ก.พ.) รีบาวน์ขึ้นมาที่ระดับ 51,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะขึ้นมาทะลุ 52,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.88 ล้านบาท ตามราคาบนกระดานเทรด Bitkub ซึ่งสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีดันมูลค่าตลาดพี่ใหญ่อย่างบิตคอยน์ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกันฟันด์โฟล์ยังไหลเข้าตลาด Spot Bitcoin ETF อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับคาดหวังกระแสบิตคอยน์ฮาล์ฟวิงที่นับถอยหลังในช่วงเดือนเม.ษ.ปีนี้
ขณะที่อีเธอเรียม (ETH) มีราคาเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น 4% อยู่ที่ 2,765.69 ดอลลาร์ พร้อมกับหุ้นคริปโทในตลาดหุ้นสหรัฐก็ปรับตัวขึ้นด้วย
ส่วนฝากของเหรียญ“คริปโทสัญชาติไทย เด้งรับอานิสงส์ราคาบิตคอยน์พุ่ง นำโดยเหรียญ Kubcoin เพิ่มขึ้น 9.6% มาอยู่ที่ 79.9 บาท เหรียญ SIX เพิ่มขึ้น 4.01% มาอยู่ที่ 1.2489 บาท และ JFIN เพิ่มขึ้น 4.81% มาอยู่ที่ 11.55 บาท
ตลาดคาดการณ์ว่าสาเหตุที่ราคาปรับขึ้น น่าจะมาจากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐทำให้บรรดากองทุนต่างๆ ต้องซื้อบิตคอยน์มาเก็บเพิ่มเติม ซึ่งล่าสุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา Bitcoin ETF มีเงินทุนใหม่ไหลเข้ามากกว่า 71% ซึ่งไม่รวม Grayscale Bitcoin ETF (GBTC)
“เมื่อวานมีฟันด์โฟลว์ไหลเข้า 651 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการไหลเข้ารายวันที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ ETF เปิดตัว” James Butterfill หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ CoinShares กล่าว
โดยสิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น คือมีความต้องการบิตคอยน์ราวๆ 12,000 เหรียยต่อวัน แต่มีการขุดบิตคอยน์ออกมาเพียง 900 เหรียญเท่านั้น ดังนั้นสะท้อนว่า นักลงทุนเริ่มตระหนักว่าอุปสงค์เริ่มแซงหน้าอุปทาน
อีกประเด็นคาดว่ามาจากแรงเก็งกำไรเหตุการณ์ Bitcoin Halving หรือการลดครึ่งของบิตคอยน์ ซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 18 เมษายนนี้ ส่งผลให้นับตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนเป็นต้นไป
โดยหากเหตุการณ์ Halving เกิดดขึ้นนั้น บิตคอยน์ที่ออกใหม่จะลดเหลือ 3.125 BTC ต่อบล็อกจากปัจจุบัน 6.25 BTC ต่อบล็อก
อ้างอิง CNBC
