ดาวโจนส์บวกในกรอบแคบ ขานรับคาดการณ์เฟดยุติดอกเบี้ยขาขึ้น

ดาวโจนส์บวกในกรอบแคบ ขานรับคาดการณ์เฟดยุติดอกเบี้ยขาขึ้น

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(30ส.ค.)ดีดตัวขึ้นในกรอบแคบ โดยปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 37.70 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 34,890.37 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 17.24 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 4,514.87 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 75.55 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 14,019.31 จุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 37.70 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 34,890.37 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 17.24 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 4,514.87 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 75.55 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 14,019.31 จุด

นอกจากนี้ ตลาดได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเพิ่มการลงทุน และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การที่ตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นในขณะนี้ เกิดจากปรากฏการณ์ "ข่าวร้ายคือข่าวดี" เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ จะทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้ซ้ำเติมเศรษฐกิจ

"ขณะนี้ตลาดได้กลับสู่สภาวะการลงทุนแบบ 'ข่าวร้ายคือข่าวดี' ซึ่งมักเกิดขึ้นในขณะที่นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงินของเฟด โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาจะลดแรงกดดันในช่วงขาขึ้นต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น" นายโซนู วาร์เกส นักวิเคราะห์ของบริษัทคาร์สัน กรุ๊ปกล่าว

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2/2566 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.1% ในไตรมาสดังกล่าว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.4% หลังจากมีการขยายตัว 2.0% ในไตรมาส 1

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยในวันนี้ว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 177,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานดังกล่าวต่ำกว่าเดือนก.ค. ซึ่งมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 371,000 ตำแหน่ง

สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยวานนี้ว่า ผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 338,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.827 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2564 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9.465 ล้านตำแหน่ง

ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และต่ำกว่าระดับ 9 ล้านตำแหน่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564

นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. จากระดับ 187,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.5%