‘บิทคับ’ชี้ตลาดคริปโทผันผวน ตั้งทีมเกาะติดวิกฤติแบงก์รัน

‘บิทคับ’ชี้ตลาดคริปโทผันผวน ตั้งทีมเกาะติดวิกฤติแบงก์รัน

ในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ สิ่งที่ไม่คิดว่าเกิด ก็เกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าจะเป็นการล่มสลายของ Silvergate ธนาคารที่เป็นมิตรต่อ “คริปโทเคอร์เรนซี” ที่สุดแห่งหนึ่ง

ตามมาด้วยการล้มของ Silicon Valley Bank (SVB) จนไปถึงวิกฤตการณ์ ล่มสลายของ FTX และข่าวเกี่ยวกับการหลุด Peg ของ USDC แต่เมื่อธนาคารกลางต่างๆ ได้รีบเข้ามาแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนคลายกังวลมากขึ้น

โดยสถานการณ์จากธนาคารกลางและวิกฤติธนาคารในต่างประเทศ เป็นแรงซื้อเข้าไปลงทุนใน Bitcoin แต่ก็ดูเหมือนว่า หลังจากที่ประชุมเฟด รอบล่าสุด 22 มี.ค. ที่ผ่านมานี้ แม้ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% แต่ตลาดกลับผิดหวังกับถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่ยังคงส่งสัญญานว่ายังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีนี้  ทุบ Bitcoin  ราคาปรับลงแรง  

bitkub

อรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด หรือ Bitkub Exchange ให้สัมภาษณ์ กรุงเทพธุรกิจ ว่า กรณีเหตุการณ์แบงก์รันนั้นก่อให้เกิดความกังวลใจต่อผู้ลงทุนทั่วโลก ในการลงทุนใดๆ กับสถาบันการเงินในช่วงนี้ จึงเกิดการกระจายความเสี่ยงมายังตลาดคริปโทมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ตลาดคริปโทขยับตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระยะ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา           

นอกจากนี้ เหตุการณ์แบงก์รันในสหรัฐและยุโรปดังกล่าว ทำให้ทางธนาคารกลางไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยแรงเหมือนเมื่อก่อนได้แล้วเพราะต้องการรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้กับธนาคารรายย่อย

 "ในปีที่ผ่านมามีการขึ้นดอกเบี้ยอย่างก้าวกระโดด แต่ในครั้งล่าสุดนั้นอัตราดอกเบี้ยถูกปรับขึ้นเพียง 0.25% เท่านั้น ซึ่งสัญญาณการชะลอตัวครั้งนี้ เราถือว่า เป็นผลดีกับตลาดคริปโท เพราะการขึ้นดอกเบี้ยที่น้อยลงนี้อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าสภาพคล่องในตลาดอาจจะกลับมาดีขึ้นในอนาคต" 

สำหรับธนาคารในสหรัฐล้มนั้น อรรถกฤต กล่าวว่า   "บิทคับ" ไม่ได้มีการนำสินทรัพย์ หรือเงินไปๆไปฝากไว้กับธนาคาร SVB และธนาคารอื่นๆที่เกิดเหตุการณ์แบงค์รัน จึงไม่ได้เกิดผลกระทบใดๆ  แต่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต่างประเทศบางรายนั้นได้มีการทำธุรกรรมและฝากเงินกับธนาคารที่มีปัญหาอยู่บางส่วน ยกตัวอย่างเช่น Coinbase ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 2 ของโลก มีเงินฝากไว้ใน SVB ถึง 240 ล้านดอลลาร์ หรือราว 8,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากหน่วยงานกำกับธนาคารในสหรัฐนั้นได้มีการเข้ามาช่วยเหลือแล้ว โดยผู้ลงทุนชาวไทยนั้นไม่น่าจะได้รับผลกระทบ หากลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ภายใต้การกำกับในประเทศไทย

ส่วนกรณีผู้ออกเหรียญประเภท Stable Coin บางราย อย่างเช่น USDC ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพราะว่ามีการนำเงิน 8% ของบริษัทไปฝากไว้กับธนาคาร SVB ทำให้เกิดแรงเทขายเหรียญ USDC เป็นจำนวนมากในช่วงเวลาที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์ 

โดยปัจจุบันราคา เหรียญ USDCกลับมาปกติแล้ว เพราะว่า SVB ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงาน FDIC ที่สหรัฐ  โดยจากสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน บิทคับจึงได้จัดตั้งทีมงานเตรียมความพร้อมเพื่อเฝ้าระวังสถานะการณ์ใกล้เคียงที่อาจเกิดขึ้นได้และจะให้ข้อมูลให้มากที่สุดหรืออัพเดทความคืบหน้าที่ควรทราบกับผู้ใช้บริการบิทคับทุกราย หากมีการเกิดแบงก์รันขึ้นอีกครั้ง

"ยืนยันว่า บิทคับไม่ได้มีการนำเงินหรือสินทรัพย์ใดๆ ไปฝากใน SVB หรือธนาคารอื่นๆในสหรัฐ เพราะเราเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งไม่ได้พาผู้ลงทุนไปลงทุนต่อที่ต่างประเทศหรือในสหรัฐ แต่พันธมิตรทางการค้าของเรา อาจมีเงินฝากอยู่กับธนาคารดังกล่าว อย่างเช่น Circle ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ USDC นั้นที่มีเงินฝากอยู่ใน SVB ถึง 8% ของยอดทั้งหมดที่บริษัทถือครอง ทางบิทคับจึงได้ติดตามและติดต่อบริษัทดังกล่าวเพื่อสอบถามแนวทางการแก้ไขและทำการแจ้งผู้ลงทุนถึงสถานะการณ์อย่างสม่ำเสมอ"

“อรรถกฤต” กล่าวว่า  หลังจากการประชุมเฟดรอบนี้เสร็จเดือนมี.ค.ได้มีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ ตลาดจึงเกิดแรงเทขาย โดยราคาของบิทคอยน์นั้นปรับตัวลงจาก 980,000 บาทลงไปต่ำสุดที่ 920,000 บาท ณ เวลา 03.00 ของวันที่ 23 มี.ค.

อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าเนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้นั้นไม่ได้ขึ้นมากเมื่อเทียบกับครั้งก่อน ประกอบกับมีผู้สนใจต้องการกระจายความเสี่ยงมายังคริปโท เป็นจำนวนมากจึงทำให้ราคาบิตคอยน์ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว โดย ณ เวลา 22.00 ของวันที่ 23 มี.ค.นั้น บิตคอยน์มีมูลค่ากลับมาอยู่ที่ 965,000 บาท

สำหรับทิศทางตลาดคริปโท ยังคงมีความผันผวนสูง แม้สถานะการณ์แบงก์รันนั้นก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากที่มีการเข้ามาแทรกแทรงจากธนาคารกลางในการเข้ามาการันตีเงินฝากและการเพิ่มจำนวนเงินการปล่อยกู้ให้กับธนาคารต่างๆเพื่อเสริมสภาพคล่องและดึงความมั่นใจจากผู้ฝากเงินกลับมาอีกครั้ง 

แต่ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยแม้อัตราปรับขึ้นจะชะลอตัวลง แต่อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันของสหรัฐเป็นอัตราสูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นมองว่าในช่วงระยะเวลานี้จึงมีความผันผวนในตลาดคริปโทอย่างมาก แนะนำให้ติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอและอย่านำเงินที่เสียไม่ได้มาลงทุน