เปิด 3 ปัจจัย ดัน Hash Rate "บิตคอยน์" ทำสถิติ "นิวไฮ" ส่งสัญญาณตลาดคึกคัก

เปิด 3 ปัจจัย ดัน Hash Rate "บิตคอยน์" ทำสถิติ "นิวไฮ" ส่งสัญญาณตลาดคึกคัก จากเครื่องขุด"บิตคอยน์" มีราคาถูกลง และมีการยอมรับ "คริปโท" เพิ่มขึ้น ทำให้หลายประเทศเปิดเหมืองขุดรองรับนักขุดชาวจีน รวมทั้งThe Merge เสร็จสิ้นสู่ Proof-of-stake ที่ต้องนำอุปกรณ์ไปขุดเหรียญอื่น
ตลอดเดือนตุลาคม hash rate ของบิตคอยน์ (Bitcoin) เพิ่มขึ้น 10.8% และทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาลในแต่ละวัน แม้ว่าอัตรา hash rate ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยรับรองความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับเครือข่าย Bitcoin ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดตัวชี้วัดดังกล่าว
เครื่องขุด"บิตคอยน์" มีราคาถูกลง
อัตราhash rate นั้นเกี่ยวข้องกับพลังการประมวลผลที่นักขุดบิตคอยน์ ต้องการในการขุดบล็อก ด้วยเหตุนี้ อัตรา hash rate ที่สูงขึ้นจึงต้องการเครื่องขุดที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งสามารถช่วยให้นักขุดยังทำกำไรต่อไปได้
ขณะที่ตลาดทั่วโลกฟื้นตัวจากการขาดแคลนชิปในปี 2565 ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของ"การ์ดจอ" และราคาของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องขุดก็ลดลงมาสู่มูลค่าที่สมเหตุสมผลมากขึ้น โดยราคา GPU ที่ลดลงในขั้นต้นช่วยให้ผู้ขุดสามารถชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานท่ามกลางตลาดหมีอย่างต่อเนื่อง
การคืนทุนของนักขุดก็ยังคงอาจใช้เวลาประมาณ 11 เดือนสำหรับผู้ขุดขนาดใหญ่ และ 15 เดือนสำหรับผู้ขุดรายย่อย นอกจากนี้ กแงทุนคริปโทรายใหญ่เช่น Grayscale ยังได้เปิดเผยแผนการลงทุนในฮาร์ดแวร์การขุดบิตคอยน์อีกด้วย
มีการยอมรับ "คริปโท" เพิ่มขึ้นในหลายๆ ประเทศ
นับตั้งแต่จีนสั่งห้ามการค้าและการขุดคริปโทในประเทศ ทำให้ประเทศอื่น ๆ ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือนักขุดชาวจีนโดยการเป็นพื้นที่ในการทำเหมืองขุด โดยคาซัคสถาน แคนนาดา และเยอรมนี เป็นหนึ่งในตัวเลือกแรก ๆ สำหรับนักขุดบิตคอยน์ที่ต้องย้ายเหมือง เป็นผลให้การขุด บิตคอยน์ มีการกระจายอำนาจมากขึ้นเนื่องจากพึ่งพาจีนน้อยลง
โดยข้อมูลจาก Cambridge Center for Alternative Finance แสดงให้เห็นว่า จีนเริ่มกลับมามีการดำเนินการขุดอีกครั้งเพียงสามเดือนหลังจากการสั่งห้าม ส่งผลให้อัตรา Hash Rate ของบิตคอยน์เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีอัตรา Hash Rate Bitcoin มากที่สุด โดยจอร์เจียเป็นผู้นำที่ 30.8% ตามมาด้วยเท็กซัส 11.2% เคนตักกี้ 10.9% และนิวยอร์ก 9.8%
The Merge เสร็จสิ้นสู่ Proof-of-stake
ระบบเครือข่าย Ethereum ได้เปลี่ยนจาก proof-of-work (PoW) ไปเป็น Proof-of-stake (PoS) หลังจากการอัปเกรด Merge และเป็นผลให้ Ethereum ไม่รองรับการใช้ GPU สำหรับการขุดอีกต่อไป
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของกลไก ทำให้นักขุด Ethereum ต้องขายหรือนำอุปกรณ์ของตนไปใช้ใหม่ในการขุดเหรียญอื่น
แม้จะมีความปลอดภัยเครือข่ายเพิ่มขึ้น แต่อัตรา Hash Rate ที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความกังวล เนื่องจากรายได้จากการขุดในแง่ของเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงดิ้นรนเพื่อฟื้นตัวท่ามกลางตลาดหมีที่กำลังดำเนินอยู่







