‘อาร์เอส กรุ๊ป’ ดัน ‘ป็อปคอยน์’ ลงกระดานเทรดโลก เสริม ‘อีโคซิสเต็ม’

ต้องยอมรับว่า “เทคโนโลยี” ในปัจจุบันเติบโตอย่างก้าวกระโดด นำไปสู่การเกิดของ Business Model ใหม่ๆ ทำให้หลายๆ ธุรกิจต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เช่นเดียวกับ บริษัท อาร์เอส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RS ที่นำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาเสริมธุรกิจให้กลายเป็นอีโคซิสเต็มที่แข็งแรง ภายใต้แนวคิด “Web3.0” ที่ทำให้ผู้ใช้งาน และผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นจุดแข็งของ “POP Coin” เหรียญ “ยูทิลิตี้โทเคน” ที่ต้องการให้มีการใช้งานจริงตั้งแต่เริ่มต้นโปรเจกต์ มากกว่าการเก็งกำไรในตลาด “คริปโทเคอร์เรนซี”

นายฐณณ ธนกรประภา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ โฟร์ท แอปเปิ้ล เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า การลิสต์เหรียญป็อปคอยน์ บนกระดานเทรดโกลบอล XT.COM ช่วยให้อีโคซิสเต็มของบริษัทสามารถดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปตามการวางแผนที่ประกาศไว้ในไวท์เปเปอร์ที่จะมีการลิสต์บนกระดานต่างประเทศในไตรมาส 3 และทำให้มี Popster หรือผู้ใช้งาน Pop wallet แตะ "ล้านบัญชี" ในสิ้นปีนี้ ปัจจุบัน 750,000 บัญชี จากการใช้งานของลูกค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ที่มากที่สุดในตลาด

ลิสต์ ‘ป็อปคอยน์’ เพิ่มทางเลือก

23 ก.ย. ที่ผ่านมา เหรียญ POP Coin ถูกลิสต์บนกระดานเทรด XT.COM ซึ่งมีฐานอยู่สิงคโปร์ ในช่วงเวลา 10.00 น. ตามเวลาไทย มีราคาเปิดอยู่ที่ 0.002 ดอลลาร์ หรือประมาณ 31 สตางค์ ซึ่งราคาผันผวนไปตามดีมานด์ซัพพลายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย จากที่คาดว่าผู้ที่ได้รับแอร์ดรอป และถือเหรียญมาตั้งแต่ต้นปี 2565 จะเทขายเมื่อเปิดตลาด แต่กลับมีวอลุ่มคนซื้อก็พอๆ กัน ซึ่งหลังจากเปิดขายได้ 1 ชั่วโมงมีเหรียญถูกซื้อขายในตลาดกว่า 6 ล้านเหรียญ

หลังจากที่ POP Coin ได้ลิสต์เหรียญบนกระดานเทรดแล้ว ทำให้เพิ่มช่องทางของผู้ที่ถือเหรียญสามารถนำเหรียญไปใช้ประโยชน์ นอกเหนือจากการรีดีมแลกสิ่งของ (Redeem rewards) ของทางเอ็นเตอร์เทนเมนต์  สามารถนำเหรียญไปใช้ได้อีก 3 ช่องทาง คือ 1.แลกสินค้า และบริการจากแบรนด์ต่างๆ 2.นำเหรียญมาวางสเตกบนกระดานเทรด 3.ซื้อขายผ่านกระดานเทรดที่อาจมีกำไรจากราคา

การที่ลิสต์เหรียญในกระดานต่างประเทศสามารถต่อยอดธุรกิจได้มากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้อยู่เพียงแค่ในประเทศไทยเป็นหลักเท่านั้น ซึ่งสามารถต่อยอดไปในต่างประเทศเพราะเทคโนโลยีดิจิทัลไม่มีพรมแดนทำให้มีคนใช้คอยน์ของเราได้ทุกพื้นที่

ตอบโจทย์ ‘ไลฟ์สไตล์’ มากกว่า 'เก็งกำไร'

นายฐณณ กล่าวว่า POP Coin ถูกจุดประกายตั้งแต่ก่อนช่วงโควิด-19 ที่ "อาร์เอส กรุ๊ป“ ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับศิลปินเกาหลี ทำให้เห็นช่องว่างของปัญหาคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่เหล่าท็อปสเปนเดอร์ไม่สามารถสร้างมูลค่ากับสิ่งของที่ได้รับจากไม่มีตลาดรองรับในฐานะผู้จัดพบว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถเข้ามาแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้

อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการปะทุขึ้นของวงการบล็อกเชน และคริปโทฯ แล้วกระโดดลงไปทำในสิ่งที่ไม่มีความรู้หรือไม่ได้ถนัด แต่ตระหนักถึงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ สามารถแก้ปัญหาของธุรกิจได้จริง ทำให้วิธีคิดของเหรียญจึงมีความแตกต่างจากเหรียญอื่นๆ ที่มีการเก็งกำไร ทำให้ในมุมผู้บริโภค เราคือ “ไลฟ์สไตล์แรร์ไอเทมมาร์เก็ตเพลส” ที่ตั้งต้นจากเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และต้องมีของที่สามารถตอบโจทย์คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกไลฟ์สไตล์

แม้ว่า ตลาดคริปโทฯ ที่ปรับตัวลดลง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับ POP Coin เนื่องจากเหรียญนี้ไม่ได้เทรดบนกระดานตั้งแต่แรก ทำให้ดีมานด์ซัพพลายของเหรียญเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับตลาดคริปโทฯ แต่ขึ้นอยู่กับแผนธุรกิจ ต่อให้บิตคอยน์ราคาผันผวนอาจทำให้ยูสเซอร์ที่เป็นเทรดเดอร์อาจเทขาย แต่ในทางกลับกัน ราคาของเหรียญอาจไม่ลงมาเพราะคนยังอยากเก็บเหรียญเพื่อมารีดรีม ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลัก ๆ ของ Pop Coin คือ 1.เทรดเดอร์ ที่ไม่สนใจในเอ็นเตอร์เทนเมนต์ แต่มองเห็นความเข้มแข็งของอีโคซิสเต็ม 2.ยูสเซอร์ที่ต้องการรีดีมรางวัล และเชื่อว่ากลุ่มผู้ใช้งานจะเปลี่ยนแปลงไปตามสินค้าที่เรานำมารีดีม ซึ่งเฟสแรกคือ สินค้าจากเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่เรามี

ขยายแผนดำเนินธุรกิจ 3 สเกล

ขั้นตอนต่อไปคือ ขยายอีโคซิสเต็มให้กว้างขึ้นโดยโฟกัส 2 เป้าหลัก คือ การขยายยูสเซอร์ Pop wallet ให้เข้าสู่หลักล้านบัญชี

และขยายหมวดหมู่สิ่งของที่ใช้ในการรีดีมนอกเหนือจากกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และในอนาคตคาดว่าจะขยายโมเดลที่ประสบความสำเร็จในไทย ทำให้มองหาลู่ทางในต่างประเทศ ในกลุ่มเซาท์อีสเอเชีย จากคอนเทนต์และไลฟ์สไตล์ที่มีความคล้ายคลึงกัน พร้อมกับสร้างความเข้าใจด้วยการ Learning by doing รวมทั้งเริ่มเห็นยูสเคสมากขึ้นเรื่อยๆ และเข้าใจทั้งมุมมองการใช้งาน และมุมเทรดมากยิ่งขึ้น สิ่งเดียวที่ไม่เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่ได้วางไว้คือ การลิสต์เหรียญบนกระดานเทรดไทย 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์