วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การเดิมพันที่คุ้มเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การเดิมพันที่คุ้มเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอน

ประมาณการ 1Q68F - ปริมาณขายสูงขึ้นและต้นทุนลดลงช่วยดันให้ฟื้นตัว QoQ

วันที่ 29 เม.ย. เราคาดว่า SCGP จะรายงานกำไรสุทธิ 1Q68F ที่ 683 ล้านบาท (เทียบกับขาดทุนสุทธิ 57
ล้านบาท และ -60% YoY) และกำไรหลักที่ 693 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20 เท่า QoQ แต่ -59% YoY) คิดเป็น
21% ของกำไรหลักปี 2568F ของเรา ปัจจัยหลักหนุน QoQ พุ่งขึ้นจะเป็นเพราะการไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ
สินค้าคงเหลือ 260 ล้านบาท ปริมาณการขายที่แข็งแกร่งขึ้น (นำโดยธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ dissolving
pulp และการกลับมาดำเนินการของ fibrous unit (FB) ต้นทุนราคากระดาษรีไซเคิล (RCP) ที่ลดลง 3%
QoQ โดยรวมแล้ว อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดจะอยู่ที่ 15.7% (เทียบกับ 13.8% ใน 4Q67 และ 20% ใน
1Q67) ในขณะที่ผลขาดทุนของ Fajar น่าจะลดลงจากปริมาณขายและ margin ดีขึ้น ส่วนกำไรที่ลดลง
YoY จะมาจากการดำเนินงานที่ยังย่ำแย่และการรับรู้ผลขาดทุนเต็มปีของ Fajar

มองบวกอย่างระมัดระวังท่ามกลางการผ่อนปรนภาษีชั่วคราว

เรามองบวกอย่างระมัดระวังต่อการที่สหรัฐฯ เลื่อนการเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) ออกไปอีก 90 วัน โดยปรับลดอัตราภาษีส่วนใหญ่ลงเหลือเพียง 10% (จาก 11–84%) ทำให้หลายประเทศและบริษัทต่างๆ มีเวลาในการเจรจาและจัดการห่วงโซ่อุปทานได้ กรณีนี้อาจกระตุ้นให้เกิดการกักตุนสต๊อก (restocking) ในระยะสั้น คล้ายกับเดือนธ.ค.67 แต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่จากความเป็นไปได้ในการที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนอาจปะทุขึ้นอีกครั้ง ด้วยภาษีสูงถึง 145% สำหรับจีน และ 84% สำหรับสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลต่อการบริโภค การลงทุนและทำให้กดดันอุปทานส่วนเกินกลับมากดดันอีกครั้งใน 2H68 ขณะที่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นไปได้ของจีนอาจเป็นปัจจัยบวกได้ในอนาคต

 

คาดกำไรเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสในปี 2568 ซึ่งตรงกันข้ามกับปี 2567

เราคาดว่ากำไรของ SCGP จะฟื้นตัวทุกไตรมาสในปี 2568 สวนทางกับที่ปรับตัวลงทุกไตรมมาสในปี 2567 โดยกำไร 1Q68F– 2Q68F น่าจะดีขึ้น QoQ แต่น่าจะลดลง YoY ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ใน 3Q68F– 4Q68F จากฐานต่ำและแผนการฟื้นฟูของ Fajar (โดยมีเป้าหมายให้ EBITDA ถึง จุดคุ้มทุนและมีกำไรใน 2Q68 และ 4Q68) แต่อย่างไรก็ตามเราปรับลดกำไรสุทธิปี 2568–70F ลง 8–10% เพื่อสะท้อนถึงปริมาณและราคาขายลดลงที่รัดกุมขึ้น (Figure 3) โดยกำไรสุทธิใหม่ปี 2568F เราคาดจะลดลง 13% YoY ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้น 16% ในปี 2569F ซึ่งกำไรเรายังต่ำกว่า consensus อยู่ราว 16-24%

Valuation and action

เรายืนคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 13.80 บาท จากเดิม 19.00 บาทเพื่อสะท้อนถึง
EV/EBITDA ของเราลดลงที่ 7.1x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -2.5SD) (จาก 8.3x) และการปรับลดกำไรลง ขณะที่
การผ่อนคลายทางการค้าในระยะสั้นและกำไรที่จะฟื้นตัวใน 1H68 อาจช่วยยกเพิ่ม positive sentiment และการปรับฐานของราคาหุ้นก่อนหน้านี้น่าจะทำให้มี downside จำกัด แม้ว่า consensus อาจปรับลดประมาณการกำไรลงตามเรา อย่างไรก็ดี เราคาดว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวได้ดีใน 2Q68 ก่อนที่จะแนะนำให้ขายทำกำไรในปลายไตรมาสก่อนที่จะมีการเจรจาทางการค้าสำคัญและความเสี่ยงด้านมหภาคยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะจากจีนและสหรัฐฯ ในขณะนี้ SCGP ซื้อขายที่ discount เมื่อเทียบกับ global peers ในแง่ของ EV/EBITDA ซึ่งสวนทางกับที่เคยเทรดที่พรีเมียมในอดีต

Risks

ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน, ความเสี่ยงด้อยค่าดีล M&A และความเสี่ยงของประเทศ

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การเดิมพันที่คุ้มเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การเดิมพันที่คุ้มเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การเดิมพันที่คุ้มเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การเดิมพันที่คุ้มเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอน

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การเดิมพันที่คุ้มเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การเดิมพันที่คุ้มเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การเดิมพันที่คุ้มเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอน