วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลุ้นยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน

วันจันทร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ออกข้าง มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น ขณะที่มีแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มไอซีที อิเล็กทรอนิกส์ และขนส่ง
อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาการประกาศผลการประชุมเฟดครั้งที่ 2/68 เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,170.20 จุด -3.56 จุด -0.30% มูลค่าการซื้อขาย 35,904.16 ลบ. Program Trading -1,880 ลบ. ต่างชาติ -1,316 ลบ. TFEX +14,650 สัญญา ตราสารหนี้ -5,042 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 353.44 จุด หรือ +0.85% ได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงในช่วงที่ผ่านมา และความหวังที่ว่าสงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครนมีแนวโน้มสิ้นสุดลง ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงผลกระทบ จากนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 40 เซ็นต์หรือ +0.6% หลังจากสหรัฐยืนยันเดินหน้าโจมตีกลุ่มฮูตีจนกว่าจะยุติการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงและเศรษฐกิจที่สดใสของจีนทำให้นักลงทุน มีความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันในประเทศจีนจะฟื้นตัวขึ้น
+ BOI อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ขนาดใหญ่ 4 โครงการมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ Data center
ปัจจัยลบ
- แบบจำลองคาดการณ์ GDP nowล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 2.1% ใน 1Q68 จากคาดการณ์ขยายตัว 2.3% เมื่อวันที่ 19 ก.พ.
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอ ได้แก่ ยอดค้าปลีก เดือนกุมภาพันธ์ +0.2%MoM ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ +0.6%MoM ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านในเดือนมี.ค.ที่ต่ำกว่าคาดลดลง แตะระดับต่ำสุดในเดือนส.ค.67
- องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.1% และ 3.0% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ ชะลอตัวจากเติบโต 3.2% ในปี 67 จาก การเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสรีบาวนด์ตามดาวโจนส์หลังยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. แม้ว่าจะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดแต่สูงกว่า -1.2% ในเดือนม.ค. นอกจากนี้ตลาดคาดว่าสงครามรัสเซียและยูเครนจะยุติลงหลัง ทรัมป์ เตรียมคุยกับ ปูติน ในประเด็นดังกล่าวคืนนี้ มองกรอบดัชนีวันนี้ 1,160-1,185 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกระแสซีรีส์ "The White Lotus" : WPH RP MINT CENTEL BA BAREIT
• หุ้นส่งออก ม.ค. เติบโตดี : STA NER GFPT AAI ITC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : AP LH SIRI SC SPALI QH MTC TIDLOR
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
หุ้นรายงานพิเศษ
BDMS "ซื้อ" Bloomberg Consensus 33.50 บาท มีอัพไซต์ 47%
"มุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตปี 68
•งวด 4Q67 มีกำไร 4,333 ลบ. +10%YoY +2%QoQ โดยมีรายได้ 27,828 ลบ. +4%YoY -2%QoQ เติบโตหลักจากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ (สัดส่วน 30%) +10%YoY โดยเฉพาะจาก กลุ่มชาวกาตาร์ +56% จีน +34% และอเมริกัน +29% ตามภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตดี สะท้อนการเติบโตของ รพ.ที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว (ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ และสมุย) ที่เติบโตราว 10-20% โดยกลุ่มดังกล่าวมาพร้อมกับความยากและความซับซ้อนของโรค ที่มีค่ารักษาพยาบาลที่สูง สะท้อน %EBITDA ทรงตัวสูง YoY และ QoQ ที่ระดับ 25% นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายภาษีที่ปรับลดลงกว่า -19%YoY -27%QoQ จาก Tax Benefit ของ โครงการลงทุน Digital Transformation และ Solar roof โดยภาพรวมทั้งปี 67 มีรายได้ 103,675 ลบ. +7%YoY และกำไรสุทธิ 15,987 ลบ. +11%YoY
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตปี 68 โดยช่วงม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้ป่วยต่างชาติยังมีทิศทางเติบโตดีกว่า 10-15% ส่วนผู้ป่วยคนไทยเติบโต 5% สอดคล้องกับเป้าของผู้บริหารที่คาดช่วง 1H68 เติบโตราว 7-8% และรักษาระดับ %EBITDA ที่ราว 24-25% จากประสิทธิภาพการดำเนินงาน และทยอยปรับค่าบริการสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 68 ราว 16,989 ลบ. +6%YoY และ ราคาเหมาะสม 33.50 บาท มีอัพไซต์ 47% แนะนำ "ซื้อ"
หุ้นมีข่าว
(+) HANA (Bloomberg Consensus 17.80 บาท) ปรับกลยุทธ์ขยายฐานตลาดเข้าอินเดีย เกาหลี ตุรเคีย ฯลฯ ควบคู่การควบคุมต้นทุนการดำเนินงานอย่างเข้มข้น คาดคำสั่งซื้อจะเริ่มเร่งตัวช่วงครึ่งหลังปี 2568 หวังพลิกอีบิทดาธุรกิจ Si กลับมาเท่าทุนในปีนี้ ย้ำติดตามการดำเนินมาตรการภาษีของสหรัฐอย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการปรับกลยุทธ์ให้สอดรับ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ITTHI (Bloomberg Consensus - บาท) ตั้งเป้ารายได้แตะ 1 พันล้านบาท กำไรสุทธิพุ่งขึ้น 206% จากปีก่อน หลังตุนแบ็กล็อกแล้วกว่า 973 ล้านบาท จากกลุ่มงานโครงการภาครัฐ และอสังหาริมทรัพย์ พร้อมแย้มแผนระดมทุน PP รุกธุรกิจใหม่พลังงานสะอาด (ที่มา ทันหุ้น)
(+) AAI (Bloomberg Consensus 6.69 บาท) ปักเป้ารายได้ปี 2568 นิวไฮที่ 7.4 พันล้านบาท เติบโต 8.8% จากปีก่อน รับปัจจัยหนุนจากกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่คาดว่าจะขยายตัว 11.4% แตะระดับ 6.6 พันล้านบาท อัดงบลงทุน 1,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 80,000 ตันต่อปี สะท้อนความแข็งแกร่งของศักยภาพการผลิต และความสามารถในการแข่งขันในตลาด OEM มั่นใจรักษามาร์จิ้น 18-20% พร้อมบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) AWC (Bloomberg Consensus 4.40 บาท) กำงบ 2 หมื่นล้านบาท ลุยเพิ่มพอร์ตโรงแรมแตะกว่า 7.3 พันห้อง ควบคู่ปรับปรุงโรงแรมเพิ่มรายได้ค่าห้องพักต่อคืน หนุนอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก เฉลี่ยทั้งปีเติบโต 10% YoY ด้วยเป้าหมายอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 75% เตรียมเปิด Jurassic World ภายในไตรมาส 2 นี้ ดันรายได้ค่าเช่าพื้นที่ดีด (ที่มา ทันหุ้น)