วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เน้นเลือกลงทุนกลุ่มหุ้นปันผลสูง และ P/E ต่ำ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เน้นเลือกลงทุนกลุ่มหุ้นปันผลสูง และ P/E ต่ำ

คาดโมเมนตัมเป็นลบตามต่างประเทศ วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลดลง ทำให้โมเมนตัมกลับมาเป็นลบอีกครั้ง หลังจากดัชนีไม่สามารถยืนเหนือ 1,200 จุด ได้

สำหรับวันนี้ เราประเมินตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับลดลง ตามสภาวะแวดล้อมของตลาดหุ้นต่างประเทศ อาทิตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงแรง จากการที่นักลงทุนกลับมากังวลเรื่องสภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้ง ทั้งนี้หากมองในแง่ดีเรามองเป็นโอกาสในการเข้าสะสม และเก็งกำไรหุ้นพื้นฐานดีหลายๆ ตัว ที่ปรับลดลงมาตามสภาวะตลาด จนมูลค่าหุ้นหรืออัตราเงินปันผลอยู่ในจุดที่น่าสนใจ ในช่วงนี้เราคงเน้นกลยุทธ์เลือกลงทุนเป็นรายตัว โดยเน้นกลุ่มที่ 1) P/E ต่ำ, 2) อัตราเงินปันผลสูง, 3) มีกระแสเงินสดสูง, 4) มีหุ้นกู้ต่ำ และ 5) ทำธุรกิจในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าหุ้นที่เข้าข่ายดังกล่าวจะมีความเสี่ยงที่น้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ ในสภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน   

การอ่อนค่าของเงินสหรัฐฯ ดีกับ TIP market แต่ไทยอาจถูกถ่วงด้วยปัจจัยการเมืองในประเทศและราคาน้ำมันดิบ: ดัชนีค่าเงินสหรัฐฯ (Dollar Index) ที่อ่อนค่าลงในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีแนวโน้มเป็นบวกต่อทิศทางเงินทุนและภาพรวมการลงทุนหุ้นในกลุ่ม TIP (ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์) อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยถ่วงที่สำคัญ เราประเมินว่ามาจากปัญหาการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะข่าวฮั้วสว. เนื่องจากหากมีเหตุให้สว.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ อาจส่งผลกระทบต่อการผ่านร่างกฎหมายสำคัญ รวมไปถึงพรบ.งบประมาณปี 2569 นอกจากนี้ การปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบจากโอกาสยุติความขัดแย้งยูเครนรัสเซีย และการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของโอเปค เป็นปัจจัยกดดันต่อกำไรกลุ่มพลังงาน และ EPS ของ SET Index ทำให้การลงทุนอาจต้องเน้นกลุ่มที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ และได้ประโยชน์ต่อทิศทางราคาพลังงานที่ทรงตัวถึงต่ำลง 

ภาพรวมกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรรายตัวในกลุ่ม valuation ไม่แพง หรือเก็งกำไรแบบตัดขาดทุนในกลุ่มอิงเศรษฐกิจจีน อาทิ กลุ่มปิโตรเคมีที่ปัจจุบันอยู่ในสถานะมีการถือครองต่ำ (under-owned) //สำหรับกลุ่มที่น่า

สนใจทางพื้นฐาน เรามอง กลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูง // หุ้นเล็กที่น่าสนใจ: MEB, SORKON, VRANDA, NER // บรรยากาศลงทุนหุ้นจีนที่ดีขึ้น หนุนต่อ DR อิงหุ้นจีน

แนวรับ: 1,150/1,173   แนวต้าน : 1,207/1,215 จุด

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    AP (9.60): กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อยู่ในสถานะมีการถือครองต่ำ (under-owned) และมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงปันผล XD 0.60 บาท 7 พ.ค. ตัดขาดทุน 8.70 บาท 
•    BCH (17): ผลการดำเนินงานได้แรงหนุนจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในประเทศ ขณะที่อัตราค่ารักษาโรคซับซ้อนกลับมาคงที่อีกครั้ง ตัดขาดทุน 14.60 บาท
•    RATCH (30) : หุ้น Defensive ที่ปัจจุบันซื้อขาย PER 7 เท่า และให้ผลตอบแทนปันผลทั้งปี 6% (ปันผลที่จะถึง 0.80 บาท XD 17 มี.ค.)  ตัดขาดทุน 25 บาท
•    SNNP (15): คาดผลการดำเนินงานปี 2568 ฟื้นตัว จากยอดขายทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ขณะอัตรากำไรสุทธิคาดปรับดีขึ้นจากปี 2567 ตัดขาดทุน 12.30 บาท 
 

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    คาดสหรัฐเผยดัชนี CPI +2.9% เดือนก.พ. ชะลอตัวจากเดือนม.ค.
-    ดัชนี VIX พุ่งกว่า 14% บ่งชี้นักลงทุนแพนิคเศรษฐกิจถดถอย
-    สหรัฐ เตรียมเจรจา ยูเครน สัปดาห์นี้ หวังเรียกร้องหยุดยิงกับรัสเซีย
-    จีน เดินหน้าตอบโต้สหรัฐ ใช้ “อาหาร” เป็นอาวุธในสงครามการค้า
-    ราคาน้ำมัน WTI ร่วง กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยกระทบดีมานด์น้ำมัน
-    ตลท.เล็งประกาศเงื่อนไขไทม์ไลน์ Jump+ พ.ค. นี้หวังหนุน Sentiment ตลาดดีขึ้น
-    บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ไฟเขียวแจกเงิน 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 วัยรุ่นอายุ 16-20 ปี คาดเริ่มจ่าย Q2/68
-    บทวิเคราะห์วันนี้ : กลุ่ม Property แนะนำ Market Weight โดย Top Pick คือ AP/ SABINA แนะนำ ซื้อ เป้า 22 บาท    


 

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

11 มี.ค. – US JOLTs Job Openings
12 มี.ค. – US CPI

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เน้นเลือกลงทุนกลุ่มหุ้นปันผลสูง และ P/E ต่ำ