วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON พลิกกลับขึ้นมาใหม่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON พลิกกลับขึ้นมาใหม่

STECON ประสบผลขาดทุน 4Q67สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.25 พันลบ. และปี 2567 อยู่ที่ 2.36 พันลบ.จาก i) ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญจากโครงการ Clean Fuel ของ Thai Oil (TOP.BK/TOP TB)* ราว 1 พันลบ.,

ii) รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีชมพูและสีเหลืองที่ 585 ลบ., iii) ปรับลดมูลค่าของอาคารชุดเพื่อขาย 170 ลบ., iv) ตั้งค่าเผื่อขาดทุนของการซ่อมโครงการป้องกันน้ำท่วมบึงหนองบอนที่ 480 ลบ. และ v) ผลขาดทุนจากดำเนินงานอื่นๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู/สีเหลือง แม้ว่ารายได้ประมาณ 3 หมื่นลบ.จะเป็นไปตามเราคาด แต่อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิติดลบจากต้นทุนที่เกินกำหนด (overrun) และการตั้งสำรองต่างๆ ในเชิงบวก STECON ได้มีการลงนามสัญญาใหม่ ๆ มูลค่ารวมราว 4 หมื่นลบ.ในปี 2567

ธุรกิจจะพลิกฟื้นตั้งแต่ 1Q68F

เราคาดว่า STECON จะกลับมามีกำไรตั้งแต่ 1Q68F หนุนจากเงินปันผลรับราว 220 ลบ.จาก Gulf Holding (GULF.BK/GULF TB)* และ GPM พลิกกลับสู่ระดับปกติที่ 5-7% หากการเคลมประกันของการซ่อมโครงการหนองบอนมูลค่า 1 พันลบ.เสร็จสิ้น STECON จะบันทึกรายการนี้เป็นกำไรพิเศษภายในปีนี้ นอกจากนี้ เป็นไปได้ที่ STECON จะไม่ต้องบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู/สีเหลืองมูลค่า 500-600 ลบ. หากผู้บริหารบริษัทไม่มีตำแหน่งกรรมการในบริษัทดังกล่าว อีกทั้ง STECON ยังหวังโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภาของ UTA ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนจะเดินหน้าต่อไป เพื่อจะเริ่มรับรู้รายได้ราว 2.7 หมื่นลบ.จากงานก่อสร้างในโครงการนี้

ปรับประมาณการกำไรให้สอดคล้องกับ guidance ของบริษัทปี 2568

STECON ให้ guidance รายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างราว 3.2 หมื่นลบ. โดยมี GPM ราว 7% นอกจากนี้
บริษัทยังตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจใหม่ราว 1 พันลบ. ซึ่ง 200 ลบ.จะมาจากโครงการน้ำประปา Mars ที่บริษัทถือหุ้น 51% และส่วนที่เหลืออาจมาจากดีล M&A ใหม่ ๆ ขณะที่ บริษัทคาดว่าจะได้ backlog ใหม่ มูลค่า 5 หมื่นลบ.ภายในปีนี้ ซึ่ง 4 หมื่นลบ.อาจมาจากโครงการเอกชน

 

เช่น ศูนย์ข้อมูลสองแห่งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ โครงสร้างพื้นฐาน และอาคารพาณิชย์ ที่สำคัญ 5 โครงการของรัฐบาลที่อยู่ในลำดับต้น ๆ มูลค่ารวมราว 1.2 แสนลบ.มีกำหนดจะเปิดประมูลใน 3Q-4Q68 ทั้งนี้ เราคงประมาณการรายได้ไว้ที่ 3.2 หมื่นลบ. โดยมี GPM ที่ 5% นอกจากนี้ เราไม่ได้รวมส่วนแบ่งขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู/สีเหลืองไว้ในกำไรสุทธิ ดังนั้น เราประมาณการกำไรที่ 765 ลบ.ในปี 2568F และเติบโตต่ออีก 21% YoY ในปี 2569F

Valuation & Action

เราคงราคาเป้าหมาย SOTP ที่ 8.50 บาท โดยมี upside อยู่ราว 57% จากราคาปิดหุ้นล่าสุด ดังนั้น เราจึง
ปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” ขณะที่ ณ ราคาเป้าหมายของเรา STECON เทรดระดับ PE ที่
17x หรือราว -1SD ทั้งนี้ มูลค่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market cap.) ปัจจุบันของบริษัทที่ 8.2
พันลบ.ยังคงน้อยกว่ามูลค่าการถือหุ้นใน GULF ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นลบ.

Risks

ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการปรับเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำขึ้น

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON พลิกกลับขึ้นมาใหม่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON พลิกกลับขึ้นมาใหม่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON พลิกกลับขึ้นมาใหม่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON พลิกกลับขึ้นมาใหม่

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON พลิกกลับขึ้นมาใหม่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON พลิกกลับขึ้นมาใหม่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON พลิกกลับขึ้นมาใหม่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON พลิกกลับขึ้นมาใหม่