วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ สัปดาห์นี้ติดตามการประกาศเป้าหมายเศรษฐกิจจีน

มีปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามหลายเรื่อง 1) การเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 15% จะเริ่มวันที่ 4 มี.ค.นี้ 2) เศรษฐกิจจีน ติดตามการประกาศตัวเลข PMI วันที่ 3 มี.ค. และการประชุมสองสภา 4 มี.ค. อาจมีการประกาศเป้าหมายเศรษฐกิจที่สำคัญ
3) ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 6 มี.ค. คาดดลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 25bps สู่ 2.50% 4) การยุติสงครายูเครน-รัสเซีย ช่วงสั้นเริ่มมีความไม่แน่นอน หลังสหรัฐฯ พยายามกดดันให้ยูเครนรับข้อตกลงต่างๆ โดยไม่มีหลักประกันของการป้องกันการรุกรานในอนาคตจากรัสเซีย // ความไม่แน่นอนหลายประการข้างต้น ประกอบกับการที่ยุโรปอาจมีภาระค่าใช้จ่ายด้านการทหารที่เพิ่มขึ้น จะยังเป็นปัจจัยกดดันต่อเศรษฐกิจ ส่งผลให้เงินทุนบางส่วนอาจไหลมายังเอเชีย โดยจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้นจะขึ้นกับการประกาศเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
ผลประกอบการไตรมาส 4/67 ถึงปัจจุบัน -4.09% QoQ, +14.04% YoY: ผลประกอบการ บจ.จำนวน 803 แห่ง (94.2%) มีกำไรรวม 1.87 แสนล้านบาท ชะลอลงจากไตรมาส 3/67 ที่ -4.09% QoQ ขณะที่เติบโตขึ้นจากไตรมาส 4/66 ที่ +14.04% YoY ทั้งนี้การประกาศผลการดำเนินงานที่สำคัญในวันที่ 28 ก.พ. หุ้นที่มีกำไรดีกว่าคาด แก่ BCH, BGRIM / กำไรตามคาด CPN, SIRI / กำไรต่ำคาด AH, CHG, ORI, BRI, PSH / พลิกจากกำไรเป็นขาดทุน ได้แก้ RS, EA
ความเสี่ยงทางลงวัดจากปริมาณเงิน M2 อยู่ที่ 1,120-1,141 จุด: Market cap ของ SET Index มี correlation กับปริมาณเงิน M2 โดยตั้งแต่ 2547 ขนาดของตลาดหุ้นไทยจะคิดเป็น 0.53-0.80 ของปริมาณเงิน M2 และเคยขึ้นไปถึง 0.90-0.95 ในช่วงที่สหรัฐฯ มีการใช้ QE เรามองการปรับลงมาของ SET ในรอบนี้ เข้าสู่ช่วงที่ valuation เทียบปริมาณเงินที่มักเป็นจุดที่ตลาด bottom ในอดีตที่ 0.53-0.54 เท่า (เกิดขึ้น 4 ครั้ง) หรือคิดเป็น SET ที่ 1,120-1,141 จุด ดังนั้น แม้อาจมีความเสี่ยงในระยะสั้น แต่เรามองการปรับลดลงในระดับตั้งแต่ 1,200 จุดลงมาเป็น Low risk entry level
ภาพรวมกลยุทธ์ แรงขายวันศุกร์เกิดจากการปรับพอร์ตตาม MSCI ซึ่งสถานการณ์วันนี้น่าจะนิ่งขึ้น หนุนการฟื้นตัวของหุ้นรายตัว และยังมีโอกาสเห็นแรงเก็งกำไรในหุ้นปันผลสูง ปัจจัยที่อาจหนุนหุ้นฟื้นตัว ติดตามการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครม สัปดาห์หน้า และการยุติความขัดแย้งทางการเมือง ซื้อเก็งกำไรรอบนี้เลือกหุ้นที่ลงมาเยอะในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) กลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูงเริ่มน่าสนใจ // ระวังแรงขายทำกำไร DR จีนในระยะสั้น // หุ้นเล็กที่น่าสนใจ: MEB, SORKON, VRANDA, NER
แนวรับ: 1,187-1,195 แนวต้าน : 1,215-1,227 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• BCH (17.50): ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในช่วงต้นปีที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบหลายปี ตัดขาดทุน 15 บาท
• AP (25): กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อยู่ในสถานะมีการถือครองต่ำ (under-owned) และมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงปันผล XD 0.60 บาท 7 พ.ค. ตัดขาดทุน 8.60 บาท
• BTG (20.50) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 คาดเติบโต QoQ, YoY และสูงในระดับที่ทำให้ตลาดน่าจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 68 ขึ้น ตัดขาดทุน 17 บาท
• SORKON (5): ผลประกอบการยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว ทั้งจากฟาร์มสุกล และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปที่ต้นทุนการผลิตลดลง PER 10 เท่า ให้ปันผล 5% ตัดขาดทุน 4.00 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- สหรัฐเผยการใช้จ่ายผู้บริโภค -0.2% เดือนม.ค. สวนทางคาดการณ์
- เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้ GDP สหรัฐหดตัว 1.5% ใน Q1/68
- สหรัฐเผยดัชนี PCE +2.5% เดือนม.ค. สอดคล้องคาดการณ์
- นักลงทุนคาดเฟดหั่นดอกเบี้ย 2 ครั้งปีนี้ หลังเผย PCE ตามคาด
- BGRIM เดินหน้า COD โรงไฟฟ้าโซลาร์-พลังงานลม 605 เมกะวัตต์ ในปี 68-69
- บทวิเคราะห์วันนี้ : BCH แนะนำ ซื้อ เป้า 20 บาท/ CPN แนะนำ ซื้อ เป้า 79.30/ PLANB แนะนำ ซื้อ เป้า 9 บาท/ PTTGC ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ เป้า 21 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
3 มี.ค. – CN Caixin Manufacturing PMI, EU Inflation Rate, ISM Manufacturing PMI
5 มี.ค. – ISM Service PMI
6 มี.ค. – ECB Interest Rate Decision, ผลประกอบการ JD/ Costco/Broadcom
7 มี.ค. – US Nonfarm Payrolls, Unemployment rate







