วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP เน้นบริหารต้นทุนแทนปีนี้

นอกจากจะใช้นโยบายปล่อยสินเชื่อ H/P อย่างระมัดระวังมาตั้งแต่กลางปี 2566 แล้ว ธนาคารยังใช้นโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังกับสินเชื่อทุกกลุ่มด้วย โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย และ สินเชื่อ SME ที่มียอดวงเงินต่ำ
โดยในส่วนของสินเชื่อ H/P (45% ของพอร์ตสินเชื่อรวม) หดตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่หก โดยลดลง 14% จากระดับสูงสุดเมื่อกลางปี 2566 นอกจากนี้ ธนาคารยังดำเนินกลยุทธ์อย่างระมัดระวังกับสินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ ด้วย และ เนื่องจากยังไม่มีแววว่าจะกลับมาเน้นปล่อยสินเชื่อในระยะสั้น ธนาคารส่งสัญญาณว่าจะใช้กลยุทธ์เน้นจัดการธุรกิจสินเชื่อ และ คุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
เริ่มมีสัญญาณดีในธุรกิจเช่าซื้อรถมือสอง และต้นทุนการทางการเงิน
ผลขาดทุนจากการขายรถมือสองเริ่มทรงตัวแล้ว โดยผลขาดทุน/คันลดลง, อุปทานรถมือสองรอการขายลดลง, และเริ่มมีความต้องการรถมือสองเข้ามาบ้าง ทั้งนี้จากนโยบายของรัฐบาล คุณูสู้ เราช่วย คาดว่าจะส่งผลดีต่อการขายทอดตลาดรถมือสองในตลาดชะลอ และจะช่วยให้ผลขาดทุนการขายรถ (LOS) ของธนาคารดีขึ้น และส่งผลให้ credit cost ลดลง ทั้งนี้เราใช้สมมติฐาน credit cost (รวม LOS) ปี 2568F/2569F ที่ 1.9%/1.65% (ลดลงจาก 2.3% ในปี 2567) แต่ในอีกด้านหนึ่ง ธนาคารบอกว่ามีเงินฝากที่มีต้นทุนสูงก้อนใหญ่ที่จะครบกำหนดใน 1Q68 ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนการระดมเงินของธนาคารใน 1H68 ลดลง
มุ่งเน้นที่ธุรกิจตลาดทุน
จากการที่ตลาดทุนอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก โดย SET อยู่ในขาลง และ การแข่งขันในธุรกิจ wealth
management เข้มข้นมากขึ้น KKP เปิดเผยว่ารายได้จากธุรกิจตลาดทุน (brokerage, IB, กองทุนรวม, การ
ลงทุน) เติบโตได้อย่างดีถึง 8% ในปี 2567 โดยรายได้จากกองทุนรวม (26% ของรายได้จากธุรกิจตลาดทุน) เพิ่มขึ้นถึง 48% และ ได้เม็ดเงินใหม่จากลูกค้าถึง >1 แสนล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจการลงทุน (28% ของรายได้จากธุรกิจตลาดทุน) มีรายได้เพิ่มขึ้น 5%
ปรับประมาณการกำไรปี 2568F 5%, ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2568F เป็น 57.5 บาท แนะนำ ถือ
การปรับประมาณการกำไรของเราสะท้อนถึงการปรับสมมติฐานลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปี 2568F ลง 2% ทั้งนี้ เมื่อใช้ PBV ที่ 0.75x หรือ PE ที่ 9x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 57.5 บาท (จากเดิม 54.5 บาท) เรายังคงคำแนะนำถือ เรามองว่าธีมการลงทุนหลักจะขึ้นอยู่กับการปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล (payout ratio) ให้สูงกว่า 40% สำหรับปี FY2567 (เราใช้สมมติฐานที่ 38%) หลังจากที่ธนาคารขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวัง
Risks
ขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมามากขึ้น, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง