วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี DIF คาดจ่ายเงินปันผลในอัตราเท่ากับ 3Q24
เราแนะนำ Buy กองทุนรวม DIF เนื่องจากคาดว่ากองทุนฯ มีความสามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่าเป็นสัญญาระยะยาวถึงปี 2033 และมีโอกาสต่ออายุสัญญาอีก 10 ปี ตามเงื่อนไขรายได้บรอดแบนด์กลุ่ม TRUE เกิน 16,500 ลบ.
รวมทั้งมี Catalyat บวกจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง ส่วนผลการดำเนินงาน 4Q24F คาดมีกำไรจากการลงทุน 2,916 ลบ. (+1%y-y ทรงตัว q-q) และจะเงินปันผลหุ้นละ 0.22 บาท (yield 2.7%) สำหรับปี 25F คาดมีกำไรจากการลงทุนทรงตัว และคาดจ่ายเงินปันผล 0.88 บาท (yield 10.7%)
คาด 4Q24F มีกำไรจากการลงทุนปกติ และเงินปันผลใกล้เคียง 3Q24
ใน 4Q24F คาดผลการดำเนินงานกองทุนรวม DIF จะขาดทุนสุทธิ -410 ลบ. เนื่องจากคาดว่าจะมีการปรับมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุนเป็นผลขาดทุนราว -3,325 ลบ. (รายการทางบัญชี) หากหักรายการดังกล่าว คาดมีกำไรจากการลงทุน 2,916 ลบ. (+1%y-y ทรงตัว q-q) ทรงตัวตามรายได้ค่าเช่า (+1%y-y ทรงตัว q-q) และค่าใช้จ่ายการเงิน (-1%y-y ทรงตัว q-q) ลดลงเล็กน้อย y-y หากกาไรจากการลงทุน 4Q24F และการจ่ายเงินปันผลเป็นไปตามคาด จะทำให้ปี 24F มีกำไรจากการลงทุน และจ่ายเงินปันผลรวม 0.88 บาท (yield 10.7%) เป็นไปตามเราคาด
ทิศทางปี 2025 คาดจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.88 บาท (yield 10.7%)
ในปี 2025 กองทุนรวม DIF จะมีกำไรจากการลงทุน 11,569 ลบ. ทรงตัว y-y ตามรายได้ค่าใช้เช่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงสัญญาจากที่ทำไว้กับผู้เช่าหลัก (กลุ่ม TRUE) รวมทั้งคาดว่ากองทุนจะจ่ายเงินปันผลในปี 25 อัตราหุ้นละ 0.88 บาท (yield 10.7%) ใกล้เคียงกับปี 24F ทั้งนี้ใน 1Q25 กองทุนฯ มีกำหนดจะ Refinance เงินกู้จำนวน 12,000 ลบ. เราประเมินอัตราดอกเบี้ยลดลงทุก 0.25% จากอัตราเฉลี่ย 5.6% จะช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลง 4% และคาดมีโอกาสจ่ายเงินปันผลเพิ่มราว 0.01 บาทต่อหน่วย
คำแนะนำ
แนะนำ Buy สำหรับ DIF (TP25F 11.50 บาท) ประเมินวิธี DCF WACC 7.5% เนื่องจาก 1) รายได้ของกองทุนฯ มีเสถียรภาพจากสัญญาระยะยาวถึงปี 2033 (ระยะเวลาคงเหลือ 8 ปี) 2) มีโอกาสขยายอายุสัญญาอีก 10 ปีจากปี 2033 (เงื่อนไขรายได้บรอดแบนด์กลุ่ม TRUE เกิน 16,500 ลบ.) และ 3) มีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มจากการลงทุนในทรัพย์สินประเภทเสาโทรคมนาคมของกลุ่ม TRUE
