วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก คาด Volume เบาบาง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก คาด Volume เบาบาง

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway โดยตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่มากระทบ ขณะที่นักลงทุนยังคง จับตาการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน และไอซีที

มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และค้าปลีก ส่งผลให้ ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,451.96 จุด +1.14 จุด +0.08% มูลค่าการซื้อขาย 43,688.43 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี +23.95 จุด +1.68%) Program Trading -554.84 ลบ. ต่างชาติ -1,585.57 ลบ. TFEX -155 สัญญา ตราสารหนี้ +5,110.55 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่ระดับ 202,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 36,000 ตำแหน่งใน เดือนต.ค.
+ ธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีทต่างคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษในปีหน้า เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและแก้ปัญหาเงินฝืด
+ ญี่ปุ่นเตรียมเจรจาการค้ากับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการทำข้อตกลงบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการยกเลิกภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
+ ญี่ปุ่นมีบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.46 ล้านล้านเยน (1.64 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนต.ค.

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 123.19 จุด หรือ -0.28% ถูกกดดันจากหุ้น ยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป (UnitedHealth Group) ซึ่งร่วงลง 5.1% ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจาก การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานสหรัฐบ่งชี้ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนนี้
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ -1.61% ปิดที่ 67.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันจะล้นตลาดในปีหน้าเนื่องจากมีความต้องการที่อ่อนแอ แม้ว่า กลุ่มโอเปคพลัสตัดสินใจเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตและขยายเวลาปรับลดการผลิตไปจนถึงปลายปี 2569
 

 

- กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) แถลงยืนยันว่า กองทัพอากาศอิสราเอลโจมตีนักรบกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเลบานอนเ
- ตลาดหลักทรัพย์ สรุป มูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-6 ธันวาคม 2567 พบว่าสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 48,396.79 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 3,084.82 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 138,829.05 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ)ซื้อสุทธิ 87,348.44 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้   

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ากระทบตลาด ประกอบกับคาดว่าปริมาณการซื้อขายจะเบาบางเนื่องจากติดวันหยุด ขณะที่ยังมีแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,445-1,460 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA

• รัฐเตรียมแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัย : CPALL CPAXT BJC TNP

• สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่เติบโตดี : STA NER TFG MALEE ITC AAI

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

SHR "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 3.30 บาท)
"งวด 3Q67 ขาดทุนหลักลดลง QoQ, YoY"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก คาด Volume เบาบาง

•งวด 3Q67 บริษัทรายงานขาดทุนสุทธิจำนวน 53 ลบ. พลิกจากกำไรในงวด 3Q66, +25%QoQ โดยมีรายได้จากการให้บริการ 2,534 ลบ. +6%YoY, +3%QoQ เติบโตจากโรงแรมในฟิจิ โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ มอริเชียส รวมถึงโรงแรมในประเทศไทย ทั้งเกาะสมุย และเกาะพีพี โดยภาพรวมของพอร์ตโฟลิโอบริษัทมี RevPAR ที่ 4,485 บาท +11%YoY, +6%QoQ อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ที่ 71% ทรงตัว YoY, +2%QoQ และ ARR ที่ 6,296 บาท +11%YoY, +2%QoQ บริษัทมี %Adjusted EBITDA ที่ 24.7% ทรงตัว จาก 24.9% ใน 3Q66 แต่เพิ่มขึ้นจาก 22.4% ใน 2Q67 หากไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวบริษัทมีขาดทุนหลักเท่ากับ -20 ลบ. ขาดทุนลดลง YoY, QoQ ในช่วง 9M67 มีขาดทุนสุทธิเท่ากับ -13 ลบ. พลิกจากกำไรในช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวบริษัทมีกำไรหลักจำนวน 14 ลบ. พลิกจากขาดทุนหลักในช่วง 9M66

ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อภาพการเติบโตในปี 68 ของบริษัทเนื่องจากการปรับปรุงห้องพักของโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต แล้วเสร็จช่วยให้บริษัทสามารถ uplift ADR และสำหรับโรงแรมในมอริเชียสที่บริษัทคาดว่า RevPAR จะเติบโตราว 25-30% จาก momentum ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรเฉลี่ยปี 67 และปี 68 จำนวน 152 ลบ. +72%YoY และ 349 ลบ. +129%YoY ตามลำดับ ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เฉลี่ย 3.30 บาท ราคาซื้อขายบน EV/EBITDA ปี 25 ที่ 8.4x ใกล้ระดับ -1SD ของค่าเฉลี่ย 2Yrs. มี upside 39% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) THCOM (Bloomberg Consensus 15.60 บาท) คิกออฟให้บริการดาวเทียมบรอดแบนด์ในอินเดีย หลังหน่วยงานกำกับไฟเขียวให้ใบอนุญาตในการบริการแล้วทั้งดาวเทียมไทยคม 4-8-9 "ปฐมภพ" ยอมรับเป็นจุดสำคัญ ชี้อินเดียตลาดใหญ่ดาวเทียมบรอดแบนด์ เชื่อไทยคม 8 ช่องสัญญาณเต็มปีหน้า มียักษ์ใหญ่เป็นพาร์ตเนอร์ ก่อนขยายต่อไทยคม 9 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) KTC (Bloomberg Consensus 49.00 บาท) เปิดแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้าดันสินเชื่อรวมโต 4-5% พร้อมคุม NPL ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2% เล็งยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตประมาณ 10-12% ด้วยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ต่ำกว่า 320,000 ล้านบาท หวังเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่ 250,000 บัตร จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2.7 ล้านบัตร พร้อมปักหมุดยกระดับทั้งองค์กรสู่ดิจิทัลอย่างยั่งยืน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CPANEL (Bloomberg Consensus 17.70 บาท) เผยทิศทางไตรมาส 4/2567 คว้างานภาครัฐ 5 โครงการ มูลค่ารวม 107 ล้านบาท เติมแบ็กล็อก แตะ 1.42 พันล้านบาท คาดหนุนปี 2568 เติบโตแข็งแกร่ง โชว์ผลงาน 9 เดือน ปี 2567 กวาดรายได้ 221.75 ล้านบาท กำไร 8.12 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AMATA (Bloomberg Consensus 34.00 บาท) เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับอุตสาหกรรมไฮเทคแห่งอนาคต ขานรับการย้ายฐานการผลิตจากนักลงทุนต่างชาติ ทั้งจีนและญี่ปุ่น โฟกัสกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) ก้าวสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) พัฒนาพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีล้ำสมัย หนุนการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่ รองรับความเปลี่ยนแปลงในตลาดการลงทุนระหว่างประเทศ (ที่มา ทันหุ้น)