วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก การเมืองยังกดดัน

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ จากความกดดันทางการเมือง โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณา คดียุบพรรคก้าวไกล-คดีนายกฯเศรษฐา-คดี ส.ว. วันที่ 18 มิ.ย. นี้ มีแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคา LNG ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนโรงไฟฟ้าสูงขึ้น
บวกกับคาดการณ์แผนกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ในช่วง 5-6 ปีแรก ออกมาต่ำกว่าคาดหวัง มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคาร และอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,306.56 จุด -5.22 จุด -0.40 % มูลค่าการซื้อขาย 38,624.00 ลบ. Program Trading -936.04 ลบ. ต่างชาติ -714.12 ลบ. TFEX -15,923 สัญญา ตราสารหนี้ -231.51 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนที่ระดับ 2.50% สอดคล้องคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ โดยได้คงอัตราดอกเบี้ย MLF ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 สะท้อนว่าธนาคารกลางระมัดระวังในการดำเนินโยบายผ่อนคลายทางการเงินจากสภาพคล่องจำนวนมากและเพื่อปกป้องเงินหยวนไม่ให้ อ่อนค่าลงอีก
+จีนมีแนวโน้มดำเนินมาตรการตอบโต้ที่ค่อนข้างจำกัดและกำหนดเป้าหมายต่อสหภาพยุโรป (EU) เพื่อตอบโต้ต่อการปรับขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่นำเข้าจากจีน กังวลว่าจะส่งผลกระทบ เชิงลบตามมา
+ โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ปรับเพิ่มเป้าหมายสิ้นปีสำหรับ ดัชนี S&P500 เป็นครั้งที่ 3 สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกของ ตลาดหุ้นสหรัฐต่อการเติบโตของรายได้และเศรษฐกิจสหรัฐ
+ กระทรวงการคลังเตรียมหารือกับธปท. และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือปลดล็อกลูกหนี้ปัจจุบันติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร 4 ล้านราย
+ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเปิดเผยว่าเมื่อช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลบราซิลประกาศยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าข้าว ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง และข้าวที่ผ่านการขัดสีเหลือ 0% จนถึง 31 ธ.ค. 2567 เพื่อเร่งนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ เพื่อสำรองอาหารหลังเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ปลูกข้าวของประเทศ คาดว่าจะส่งผลดี ต่อการส่งออกข้าวของไทย
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 57.94 จุด หรือ -0.15% และดัชนี S&P500 ปิดลดลงด้วยเช่นกันหลังจากปิดตลาดที่ระดับสูงสุด เป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 4 วัน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.5% ส่วนดัชนี Nasdaq ยังคงปิดตลาด ทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ได้แรงหนุนจากหุ้นอะโดบีและ หุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ ขณะที่นักลงทุนประเมินผลสำรวจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ลดลงต่ำกว่าคาดในเดือนมิ.ย.
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 17 เซนต์ หรือ -0.22% ปิดที่ 78.45 ดอลลาร์/บาร์เรล เปิดเผยผลสำรวจ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลง แต่ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นได้ 4% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนประเมินการคาดการณ์เกี่ยวกับอุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับน้ำมันดิบและน้ำมันเชื้อเพลิง ในปีนี้
- นายชิน วอนซิก รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้ส่งคอนเทนเนอร์ซึ่งอาจบรรจุกระสุนปืนใหญ่ เกือบ 5 ล้านนัดให้แก่รัสเซีย และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย มีแนวโน้มว่าจะขอยุทโธปกรณ์เพิ่มอีกในการเดินทางเยือนกรุงเปียงยางในเร็ว ๆ นี้
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยยังมีแรงกดดันจากความกดดันทางการเมือง โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล-คดีนายกฯเศรษฐา-พ.ร.ป. เลือกสว. วันที่ 18 มิ.ย.นี้ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง ดัชนีในวันนี้ที่ 1,300 -1,315 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• สินค้าส่งออกเดือน เม.ย. เติบโตดี : AAI ITC STA NER TRUBB XO TFG BTG
• คาดหุ้นเข้าคำนวณ SET50 เข้า : BCP BJC ITC TIDLOR ออก : BANPU COM7 KCE SAWAD SET100 เข้า : BA BJC CKP JAS MBK PRM QH SKY TIPH ออก : AURA BYD FORTH MOSHI NEX ORI SNNP THG TKN
• มาตรการลดภาษีเที่ยวเมืองรอง : ERW CENTEL BA AAV TNP CPALL
• FTSE Rebalancing มีผลปิดตลาด 21 มิ.ย. : FTSE SET Large Cap หุ้นเข้า : BH หุ้นออก : BJC Mid Cap หุ้นเข้า : BJC, BTSGIF, ICHI หุ้นออก : BEC, BH, NEX, SABUY, SCAP,SUPER, TPIPL
หุ้นรายงานพิเศษ
VIH "ซื้อ" Valuation PE เพียง 14.2x ถูกกว่ากลุ่มที่ราว 20-25x
"มุมมองบวกต่อช่วงที่เหลือของปี 67 และแผนการเติบโตระยะยาว"
•งวด 1Q67 มีกำไร 72 ลบ. +87%YoY -27%QoQ โดยมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 665 ลบ. +10%YoY -14%QoQ โดยอ่อนตัว QoQ หลังจากผ่านพ้นฤดูกาลที่มีคนไข้ มาตรวจสุขภาพ แต่เติบโต YoY จากทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก รวมถึงคนไข้กลุ่มเงินสด ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริหาร Fixed Cost ที่ดีขึ้น อาทิ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และค่าเสื่อมที่ทยอยลดลงหลังผ่านพ้นช่วงของการลงทุน ช่วยหนุน %EBITDA เร่งขึ้นสู่ระดับ 20.6% (1Q66 = 16.2%, 4Q66 = 21.1%)
•ปรับแผนเร่งการเติบโตสร้าง New-S-Curve ใหม่ โดยบริษัทเตรียมลงทุนสร้าง รพ.แห่งใหม่ บริเวณฝั่งกรุงเทพตะวันตก ถ.บรมราชนนี เน้นฐานคนไข้ที่มีกำลังซื้อสูงและการรักษา แบบเฉพาะทาง โดยเป็น รพ.ขนาด 200 เตียง งบลงทุน 2,400 ลบ. โดยมีแหล่งที่มา คือ 1) สถาบันการเงิน 1500 ลบ. 2) กระแสเงินสด 600 ลบ. และ 3) หุ้นเพิ่มทุน 300 ลบ. (RO สัดส่วน 15:1 ที่ราคา 8 บาท จำนวน 38 ล้านหุ้น) โดยเปิดให้จองซื้อไปแล้ว เมื่อ 4-10 มิ.ย.67 ทั้งนี้ กำหนดการเปิด รพ.ใหม่จะเป็นช่วงเดือน ต.ค.69 โดยสมมติฐาน ของที่ปรึกษาทางการเงินแบบ Base Case คือ ระยะเวลาคืนทุน 8 ปี และหากบริการ เต็มประสิทธิภาพคาดจะสร้างรายได้ราว 2-2.5 พันลบ.ต่อปี
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตช่วงที่เหลือของปี 67 โดยคาดแนวโน้ม 2Q67 คงเติบโต YoY แต่อ่อนตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ก่อนจะฟื้นโตดีตั้งแต่ 3Q67 เป็นต้นไป ส่วนแผนการสร้าง รพ.แห่งใหม่ เรามีมุมมองบวกหากเป็นไปตามสมมติฐานข้างต้น ซึ่งคาดจะช่วยหนุนผลประกอบการโตกว่าฐานเดิมราว 1 เท่าตัว ทั้งนี้ Valuation ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E เพียง 14.2x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุม รพ.ขนาดเล็กที่ 20-25x แนะนำ “ซื้อ” อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกดดันด้านราคาอาจมาจากแผนการเพิ่มทุนและแจก VIH-W1 (ยังไม่กำหนดสัดส่วนและราคาใช้สิทธิ)
หุ้นมีข่าว
(+) IMH (Bloomberg consensus - บาท) ส่งสัญญาณธุรกิจไตรมาส 2/2567 โดดเด่น หลังยอดผู้ป่วยในเมืองพุ่งขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับไฮซีซันเข้าสู่หน้าฝน ยอดฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พรึ่บ พร้อมรับรู้รายได้โรงพยาบาล IMH สีลมเข้าเต็มปี ส่วน รพ.ใหม่ 300 เตียง คาดชัดเจนสิ้นปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) GIFT (Bloomberg consensus - บาท) เล็งทุ่มงบ 300-500 ล้านบาท รุก M&A ธุรกิจความงาม ชะลอวัย แตกไลน์รับทรัพย์เพิ่ม คาดชัดเจนครึ่งหลังปีนี้ แถมฟุ้ง Q2/2567 ฟอร์มแจ่ม เก็บเกี่ยวกลุ่มธุรกิจเทค-อิโนเวชั่นเต็มพิกัด ผู้บริหาร "กิติยา เฉลิมปกิตตินันท์" ปักเป้าปี 2567 รายได้ทะยานแตะ 2.5 พันล้านบาท รับแรงหนุนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ดันฐานธุรกิจของบริษัท-รายรับโตต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) JPARK (Bloomberg consensus 7.35 บาท) พัฒนาแอปพลิเคชัน "Prompt Park" เจาะพื้นที่จอดรถขนาดเล็ก ตั้งเป้ามีพื้นที่จอดในปีแรก 2-3 พันช่องจอด และโตเพิ่มเป็น 2-3 หมื่นช่องจอดปีถัดไป ฟากบอสใหญ่ "สันติพล เจนวัฒนไพศาล" ส่งซิกแนวโน้มผลงานครึ่งปีหลัง 2567 ดีกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน ดันช่องจอดแตะ 4 หมื่นช่อง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ANI (Bloomberg Consensus 7.13 บาท) มองแนวโน้มการขนส่งสินค้าทางอากาศคึกคัก ไตรมาส 2/2567 คาดผลงานเติบโตดีจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากสัญญา GSA ปีนี้ และคาดได้สัญญา GSA ใหม่ไม่น้อยกว่า 4 สัญญา ทั้งสายการบินใหม่และสายการบินเดิมที่ขยายเส้นทางไปยังประเทศอื่น และมีแผนขยายธุรกิจ GSA ในประเทศที่มีศักยภาพ พร้อมวางเป้ารายได้โต 10-20% จากปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)







