วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก WARRIX งวด 4Q66 รายได้และกำไร ใกล้เคียงตามคาด

เช่น สินค้าคลาสสิค สินค้าคอลเลคชัน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) 48.3% ทรงตัว YoY, ลดลง QoQ จาก 48.0% ใน 4Q65 และ 49.1% ใน 3Q66 หากไม่รวมค่าเผื่อการลดลงของสินค้าล้าสมัย สำหรับหน้ากากผ้า จำนวน 13.8 ลบ. ที่บันทึกในต้นทุนขาย บริษัทจะมี %GPM ที่ 51.8% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวม (SG&A/Total Sales) เท่ากับ 31.3% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 28.9% ใน 4Q65 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าเช่าพื้นที่สำหรับ Warrix Run Hub, Warrix Lifestyle แต่ลดลงจากระดับ 33.3% ใน 3Q66 ส่งผลให้งวด 4Q66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 55.0 ลบ. +36%QoQ, -13%YoY ใกล้เคียงกับคาดที่ 57.5 ลบ. คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.7% ลดลง YoY, เพิ่มขึ้น QoQ จาก 16.7% ใน 4Q65 และ 12.3% ใน 3Q66 ส่งผลให้ปี 66 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 1,225 ลบ. +15%YoYและกำไรสุทธิ เท่ากับ 127 ลบ. -1%YoY ใกล้เคียงตามคาด

•    คงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 175 ลบ. เติบโต 37%YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่: เราคาดการณ์รายได้ในปี 67 ราว 1,515 ลบ. เติบโต 24%YoY ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปี 62-69 ราว 22% ต่อปี (ดังแสดงในภาพประกอบ) จากการเติบโตจากทุกช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทมีแผนเปิด Shop เพิ่มราว 5-10 สาขา การเติบโตของยอดขายทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะสินค้า Life Style ล่าสุดบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือกางเกงยีนส์ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า สมมติฐาน %GPM ที่ระดับ 48.0% ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 66 ที่ระดับ 47.8% โดยบริษัทจะเน้นขายสินค้าที่มี Margin สูงเพิ่มเติม และการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราคาด SG&A/Total Sales ที่ 33.4% ปรับตัวลดลง

เมื่อเทียบกับปี 66 ที่ระดับ 35.2% จากความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ประกอบกับไม่มีการเพิ่มพนักงานเป็นจำนวนมากเหมือนในปี 66 ส่งผลให้เราคาดกำไรสุทธิ เท่ากับ 175 ลบ. +37%YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่

•    คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 7.05 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี PEG Ratio ที่ 0.65 เท่า เพื่อสะท้อนถึงการเติบโตของผลประกอบการ โดยคาดว่ากำไรปี 67 จะเติบโต 37.2% YoY และคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 67 เท่ากับ 0.291 บาทต่อหุ้น ทำให้ได้ราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 7.05 บาทซึ่งมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน  26% โดยราคาปัจจุบันคิดเป็น Forward P/E ปี 67 ที่ 19x ขณะที่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ในอนาคตราว 2.3% ต่อปี เราจึงแนะนำ “ซื้อ” ทั้งนี้ บริษัทฯมีแผนซื้อหุ้นคืนจำนวนไม่เกิน 11 ล้านหุ้น วงเงินสูงสุดไม่เกิน 70 ลบ. ระหว่าง 21 พ.ย. 66 ถึง 20 พ.ค.67 จากข้อมูลล่าสุด ณ 1 มี.ค. 67 จำนวนหุ้นซื้อคืนรวม 10.92 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนหุ้นซื้อคืนแล้ว 99% จากแผน 

ปัจจัยเสี่ยง :

1.    การแข่งขันสูง 
2.    สินค้าเคลื่อนไหวช้าหรือล้าสมัย
3.    การพึ่งพิงธุรกิจในช่องทางห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก 
4.    การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค 
5.    ภาวะเศรษฐกิจถดถอย