วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง รอลุ้น Thailand 4Q23E GDP (เช้าวันจันทร์) และ US Michigan Survey คืนนี้

ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Up แนวต้าน 1,395 จุด (EMA 50 วัน)/1,400 จุด แนวรับ 1,380/1,372 จุด ทางเทคนิค ดัชนีฯ กลับมามีโอกาสดีดกลับขึ้นไปที่บริเวณ 1,416/1438 จุดอีกครั้ง หลังจากดัชนีฯ วานนี้ สามารถพลิกกลับขึ้นมาทะลุแนวต้าน 1,390 จุดได้
(สร้าง Higher High กับ Highler Low) โดยความเสี่ยงกลับมาเป็นทิศทางขาลงจะเกิดขึ้นต่อเมื่อดัชนีฯ ปิดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 1,380 จุด
ประเด็น Event สำคัญ วันนี้
Thailand 4Q23E GDP Growth: สภาพัฒน์ฯ ประกาศเช้าวันจันทร์ที่ 19 ก.พ. (ก่อนตลาดหุ้นเปิดทำการ) KTX คาดว่ามีความเสี่ยงต่อการชะลอตัวแรง อิงจากอุปสงค์ภายในประเทศ ยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อเนื่อง จากการบริโภคภายในประเทศใน 4Q23 ที่ยังคงอยู่ในทิศทางของการเร่งตัว สะท้อนจากดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ทรงตัวในระดับสูง 152.3 จุด (-0.3% QoQ, +6.8% YoY) โดยมีปัจจัยหลักผลักดันจากการบริโภคในภาคบริการ ซึ่งสะท้อนอยู่ในการเร่งตัวของดัชนีภาคบริการ ขึ้นมาอยู่ที่ 193.1 จุด (+1.1% QoQ, +10.4% YoY) 1) หนุนการเติบโตของ GDP ฝั่งอุปสงค์ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาความอ่อนแอของ GDP ฝั่งอุปทานที่มีแนวโน้มเติบโตไม่สอดคล้องกับด้านอุปสงค์ สะท้อนจากสินค้าคงคลังที่ติดลบสูงในปี 2023 อันเนื่องมาจาก โครงสร้างเศรษฐกิจในภาคส่งออกที่เริ่มเปลี่ยนไปในทางลบมากขึ้น โดย
มูลค่าส่งออกของไทยลดลงต่ำกว่ามูลค่าการส่งออกของประเทศในภูมิภาค สวนทางกับ Global PMI ที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลต่อผลผลิตด้านอุตสาหกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากการส่งออกปรับตัวลดลง โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ของไทยใน 4Q23 ปรับตัวลงมาที่ 90.1 จุด (-4.3% QoQ, -4.7% YoY) สะท้อนถึงสินค้าที่ไทยผลิตเพื่อส่งออกมีมูลค่าและความต้องการในตลาดโลกลดลง อีกทั้งในภาคการท่องเที่ยวที่รายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีแนวโน้มลดลงต่ำผิดปกติ โดยรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 10M23 เฉลี่ย 4.2 หมื่นบาทต่ำกว่าช่วงปกติก่อน COVID-19 ระบาดที่ 5.0 หมื่นบาท โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อ 4Q23 GDP มีแนวโน้มลดลงต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ +0.6% QoQ และ +2.1% YoY และลดลงจาก 3Q23 GDP ที่ +0.8% QoQ และ +1.5% YoY (Figure 1)
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ มีจำนวนน้อย ขณะที่ รายงานผลประกอบการบจ. มีต่อเนื่อง
Thailand Earnings Results: จับตารายงานงบการเงินของ THANI (คาด 4Q23E รายงานกำไร -31.4% YoY, -3.4% QoQ เป็น 242 ล้านบาท) PTT (คาด 4Q23E กำไร +31.4% YoY, -25% QoQ เป็น 23,477 ล้านบาท) CBG (คาด 4Q23E กำไร +36.6% YoY, +5.3% QoQ เป็น 558 ล้านบาท) โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นรายตัว หากออกมาดีหรือแย่กว่าคาดการณ์
US: รายงาน PPI เดือน ม.ค. คาดปรับสูงขึ้นเล็กน้อย ทำให้โอกาสเงินเฟ้อปรับลดลงแรงในเดือนต่อไปมีจำกัด โดย Consensus คาด +0.1%MoM, +0.61% YoY (Vs เดือน ธ.ค. -0.1% MoM, +1% YoY)
US: รายงานดัชนีวัดความเชื่อมั่นผู้บริโภค Michigan Consumer Sentiment เดือน ก.พ. คาดดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 80 (Vs เดือน ม.ค. 79.0) โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ 1 ปีและ 5 ปีข้างหน้า ทรงตัวอยู่ที่ 2.8% และ 2.9%(Vs เดือน ม.ค. 2.9% และ 2.9% ตามลำดับ)
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นข่าวเชิงบวกด้านผลประกอบการ ได้แก่ AMATA WHA SJWD
Strategic daily picks
AMATA ปิด 22.80 บาท/แนวรับ 22 บาท แนวต้าน 23.40 บาท
ปัจจุบันลูกค้าจีนยังคงสนใจเข้าลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของไทย แม้จะมีความกังวลด้านสภาวะเศรษฐกิจจีน แต่บริษัทมองว่าจะเป็นโอกาสที่จะเห็นผู้ประกอบการจีนย้ายฐานการลงทุนมายังไทยมากขึ้น ขณะที่บริษัทมีการเจรจาอยู่หลายรายในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยปี 2024 บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินที่ 1.7 พันไร่ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 1.79 พันล้านบาท (-23.54% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 29.02 บาท
WHA ปิด 4.86 บาท/แนวรับ 4.74 บาท แนวต้าน 5.05 บาท
บริษัทจัดสรรงบลงทุน ภายใน 5 ปี (ปี 2024-28) ที่ 7.87 หมื่นล้านบาท เพื่อผลักดันรายได้รวม 5 ปี สู่ระดับ 1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในปี 2024 ธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทวางเป้าหมายส่งมอบโครงการและสัญญาใหม่เพิ่มขึ้น 2 แสนตร.ม. อีกทั้งมีแผนขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับ WHART, WHAIR รวมทั้งสิ้น 2.13 แสนตร.ม. ส่วนธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ตั้งเป้ายอดขายที่ดินทั้งในไทยและเวียดนาม ประมาณ 2,275 ไร่ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 4.26 พันล้านบาท (+5.34% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 5.81 บาท
SJWD ปิด 16.00 บาท/แนวรับ 15.20 บาท แนวต้าน 16.70 บาท
บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมทั้งปี 2024 เติบโตกว่า 12% YoY เป็นการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยในปี 2024 บริษัทวางงบลงทุนแบบ Organic ไว้ที่ประมาณ 600-700 ล้านบาท เพื่อรองรับการซ่อมบำรุง ในกลุ่มธุรกิจเดิม ไม่รวมงบประมาณในส่วนของ M&A, JV หรือ Synergy ใหม่ ๆ เข้ามาเสริมศักยภาพของกลุ่มบริษัท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาอีกหลายโครงการ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 752.17 ล้านบาท (+49.14% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 19.44 บาท







