วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก พักตัว

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก พักตัว

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเปิดโดดขึ้นราว +8 จุด และ sideway up เคลื่อนไหวบวกถึง 18 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้น ตลาดหุ้นฟื้นตัว หลังจากที่ปรับตัวลงมาต่อเนื่อง

ได้แรงหนุนจาก Bond Yield สหรัฐ ที่ปรับตัวลง มีแรงซื้อเด่นในหุ้น อิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก กลุ่มพลังงาน เป็นต้น ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,384.08 จุด +16.12 จุด +1.18% มูลค่าการซื้อขาย 45,160 ลบ. Program Trading +437.70 ลบ. ต่างชาติ +2,097.47 ลบ. TFEX +18,178 สัญญา ตราสารหนี้ -2,309.59 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 134.58 จุด หรือ +0.35% ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่สูงเกินคาดช่วยหนุนความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐ แม้ลดความเป็นไปได้ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้
+ สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 353,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 187,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.8%
+ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่ากองทัพอิสราเอลถอนกำลังออกจากพื้นที่ทางตอนเหนือในฉนวนกาซาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการรุกรานภาคพื้นดิน โดยยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการถอนถาวรหรือเป็นเพียงการเปลี่ยนตำแหน่งของกองกำลังอิสราเอล

ปัจจัยลบ

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลง 1.54 ดอลลาร์ หรือ -2.1% ปิดที่ 72.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลงเกือบ 7.4% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงในจีนและความเป็นไปได้ที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจลดลงนั้น ทำให้มีแรงขายสัญญาน้ำมันดิบออกมา
- สหรัฐเปิดฉากโจมตีทางอากาศในอิรักและซีเรียเพื่อตอบโต้กองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากการโจมตีด้วยโดรนได้สังหารทหารสหรัฐ 3 นายที่ฐานทัพในจอร์แดน
 

 

- IMF เตือนว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่กลุ่มติดอาวุธได้ทำการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงจะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งขึ้น และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและการค้าโลก
- ธปท.ศึกษาประเด็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤติโควิด-19 ซึ่งโตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน พบว่ามาจาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยเชิงวัฏจักรระยะสั้น ซึ่งพบว่าระยะหลังเศรษฐกิจโลกขยายตัวจากภาคบริการเป็นหลัก ขณะที่ภาคการผลิตชะลอตัว
- ตลาดหลักทรัพย์ สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่ม นักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่า สถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,107.92 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 136.25 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 26,696.47 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 29,940.64 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสพักตัว หลังปรับตัวขึ้นแรงวันก่อน โดยมีแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ที่ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 4% อีกครั้ง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ดัชนีในวันนี้ที่ 1,380-1,390 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• Easy E-Receipt : BJC CPALL CPAXT COM7 SPVI CPW JMART HMPRO DOHOME GLOBAL ZEN M AU TNP KK
• หุ้นเด่น IAA : AOT CPALL CPN GPSC
• หุ้นที่คาดว่างบจะออกมาดี : SPA AUCT PLANB PRM
• ฟรีวีซ่าไทย-จีน : AOT AAV MINT CENTEL ERW SPA SKY
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลตรุษจีน : GFPT TFG CPF SPA AOT ERW CENTEL

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

มุมมองบวกต่อธุรกิจ IVF (SAFE, GFC)
คาดจะเติบโตดี 26-30% รับปีมังกรทอง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก พักตัว

•คาดแนวโน้มผลประกอบการ 4Q66F กลุ่ม IVF จะฟื้นโตดี โดยเฉพาะ SAFE (+113%YoY และ +12%QoQ) ที่มีฐานคนไข้ต่างชาติ ซึ่งได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว ขณะที่ GFC เติบโต 18%YoY แต่อ่อนลงเล็กน้อย 5%QoQ จากค่าใช้จ่ายพิเศษในการลดหย่อนภาษีในไตรมาสก่อน หากพิจารณาเฉพาะกำไรปกติคาดจะโต +18%YoY +15%QoQ เติบโตดีจากลูกค้าในประเทศควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ กลุ่ม IVF ยังได้แรงหนุนจากการเข้าสู่ปีมังกรทองในปี 67 ซึ่งคนไข้จะต้องตั้งครรภ์ในช่วง 4Q66-1Q67

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อธุรกิจ IVF ทั้ง SAFE และ GFC คาดกำไรจะเติบโตดีต่อเนื่องในปี 67 ราว 26-30% ทั้งจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการมีลูกในช่วงปีมังกรทอง ควบคู่กับนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวในการให้ฟรีวีซ่าสำหรับชาวจีน โดยระยะสั้นเราชื่นชอบ SAFE เนื่องจากเดิมมีฐานลูกค้าต่างชาติอยู่แล้ว ประกอบกับมี Capacity คงเหลือในการให้บริการคนไข้อีกราว 30-40% ส่วน GFC ปัจจุบันเริ่มให้บริการเต็ม Capacity แล้ว แต่ช่วง 2H67 จะเปิดสาขาใหม่ให้บริการเพิ่มเติมซึ่งจะเห็นการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง โดยราคาเหมาะสม IAA Consensus ของ SAFE ราว 24.67 บาท Upside 19% แนะนำ “ซื้อ” ขณะที่ GFC ราคาปัจจุบันขยับเข้าใกล้ราคาเหมาะสมที่ 11.70 บาท จึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

หุ้นมีข่าว

(+) DITTO (Bloomberg consensus 40.00 บาท) “ดิทโต้” เป้าสูงผลิตคาร์บอนเครดิตจากป่าชายเลนปีละ 1 ล้านตัน รับรู้รายได้ธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 2,000 ล้านบาท ดันกำไรเติบโตระเบิดเริ่มตั้งแต่ปี 70 ประเดิม 400 ล้านบาท รับรู้ยาว 30 ปี ล่าสุดเตรียมออกโทเคนเพื่อการลงทุนคาร์บอนเครดิตกลางปีนี้ พร้อมทยอยรับรู้รายได้สวนสัตว์แห่งใหม่ Q1/67 รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า จับมือ NETBAY รับงานใหญ่เร็วๆ นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SSP (Bloomberg consensus 9.32 บาท) บอร์ด “เสริมสร้าง พาวเวอร์” อนุมัติลงทุนโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 2 แห่ง มูลค่ารวม 4,570 ล้านบาท กำลังผลิตกว่า 20 เมกะวัตต์ COD ปี 69 นี้ พร้อมศึกษาลงทุนพลังงานลมไต้หวันและฟิลิปปินส์อีก 188 เมกะวัตต์ ได้ข้อสรุปกลางปีนี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SAPPE (Bloomberg consensus 101.00 บาท) รับใกล้ฤดูร้อนเป็นบวกต่อเครื่องดื่ม แต่รับการเติบโตปีนี้จะมาจากการส่งออก โดยเฉพาะยุโรป เดินหน้าขยายตลาด พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เล็งร่วมลงทุนกับกลุ่มพันธมิตร ชี้จุดแข็งนวัตกรรมใหม่ ช่องทางจำหน่ายแกร่ง กำลังผลิตจะเพิ่มอีก 25% มีนาคม มั่นใจรายได้ปี 2567 โต 20-25% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) THG (Bloomberg consensus 48.00 บาท) สยายปีกรุกภาคใต้ เดินหน้ายกระดับ "โรงพยาบาล ธนบุรี ตรัง" สู่การเป็นโรงพยาบาลชั้นนำด้านการรักษาโรคร้ายแรงและซับซ้อน ช่วยดันรายได้เพิ่มกว่า 500 ล้านบาทต่อปี พร้อมเล็งขยายโรงพยาบาลเพิ่มที่เกาะลันตา กระบี่ รองรับนักท่องเที่ยว และเมดิคอลทัวริซึ่ม (ที่มา ทันหุ้น)