วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตา US Earnings, EU 4Q23E GDP

ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Up แนวต้าน 1,383/1,391 จุด (EMA25 วัน) แนวรับ 1,366/1,354 จุด ผลจาก ดัชนีฯ ที่แกว่งตัวในกรอบแคบต่อเนื่องเป็นวันที่สาม หลังจากดัชนีฯ พุ่งขึ้นแรงกว่า 20 จุด เมื่อวันพุธก่อนหน้า
สะท้อนทิศทางดัชนีฯ อยู่ระหว่างการรอสัญญาณ Break Out ว่าจะเป็นทิศทางขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,416 จุด (ต้องทะลุผ่านแนวต้าน 1,383/1,390 จุด) หรือลดลงมาทดสอบจุดต่ำสุดเดิม 1,352.48 จุด
ประเด็น Event สำคัญ วันนี้
- Japan: นายกฯ Kishida พูดนโยบายรัฐบาลในการเปิดสมัยประชุมสภา โดยคาดว่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น จากการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ โดยล่าสุด BoJ ปรับเพิ่มประมาณการ 2024E GDP เป็น 1.2% (เดิม 1%) หลังจากปรับลดประมาณการเติบโตปี 2023E ลงเป็น 1.8% (เดิม 2%)
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ มีจำนวนมาก
+/-US Earnings Results: จับตารายงานผลประกอบการบจ. สหรัฐฯ ไฮไลท์ Microsoft, Alphabet (เป็น 2 ในหุ้น 7 นางฟ้า ที่ผจก.กองทุนโลกส่วนใหญ่เข้าลงทุน) รวมถึงหุ้นบจ.อื่น ๆ อาทิ AMD, Pfizer, UPS, Starbucks, GM ฯลฯ ทั้งนี้ รายงานผลกำไรที่ดีหรือแย่กว่าคาด จะส่งผลเชิงบวกหรือลบต่อหุ้นรายตัว และส่งผลกระทบต่อ Sentiment ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
*EU 4Q23E GDP Growth ครั้งแรก: โดย Consensus (Figure 1) คาด -0.1% QoQ, +0% YoY (Vs 3Q23 -0.1% QoQ, +0% YoY) ส่งผล 2023E GDP เติบโต +0.5% YoY ลดลงมากเมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ขยายตัว +3.4% YoY ส่วนแนวโน้มปี 2024E คาดเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า โดยคาดเติบโต +0.6% YoY ขณะที่สัญญาณเชิงบวก คือ ECB อาจมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อิงอัตราเงินเฟ้อปี 2024E คาดลดลงเหลือ 2.3% YoY (Vs 5.5% YoY ในปี 2023 และ 8.4% YoY ในปี 2022)
-US รายงานตัวเลขจ้างงานของ JOLTs: โดยตลาดคาดว่าเดือน ธ.ค. จะใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า โดยจำนวนเปิดรับงาน (Job Openings) ลดลงเล็กน้อยเป็น 8.75 ล้านคน (Vs เดือน พ.ย. 8.69 ล้านคน) เช่นดัยวกันกับจำนวนผู้ที่ผละออกจากงาน (Job Quits) คาดลดลงเล็กน้อยเป็น 3.45 ล้านคน (Vs เดือน พ.ย. 3.471 ล้านคน) ซึ่งสะท้อนว่าตลาดแรงงานยังคงไม่ผ่อนคลายจากการตึงตัวมากนัก ทำให้แรงกดดันต่อค่าจ้างยังไม่ลดลงเร็ว (Sticky Inflation) ทำให้โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วมีน้อยลง
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นบวกด้านผลกำไร ได้แก่ AAV MINT ERW
Strategic daily picks
AAV ปิด 2.20 บาท/แนวรับ 2.09 บาท แนวต้าน 2.38 บาท
ปัจจุบัน AAV มีเส้นทางบินตรงจากอินเดียสู่กรุงเทพฯ รวม 10 เส้นทาง (ล่าสุด คือ วิศาขาปัตตนัม เริ่มบินตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 2024) โดยมีสัดส่วนผู้โดยสารในทุกเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นชาวอินเดียประมาณ 80-90% และมีอัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยสูง 88% ทั้งนี้ บริษัทคาด 4Q23 จะเร่งตัวแตะระดับสูงสุดของปี หนุนภาพรวมทั้งปี 2023 เป็นตามเป้าหมาย Bloomberg Consensus ประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2023 ที่ 391.2 ล้านบาท (จากขาดทุนสุทธิ 8.03 พันล้านบาท ในปี 2022) และมูลค่าเหมาะสมที่ 2.79 บาท
MINT ปิด 30.25 บาท/แนวรับ 28.00 บาท แนวต้าน 32.50 บาท
ภาพรวมปี24 มีแนวโน้มเติบโต โดย ณ วันที่ 23 ม.ค. 2024 ปริมาณการจองห้องพักของโรงแรมในไทยช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2024 ยังเร่งตัวสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2023 ถึง 20-30% YoY โดยมียอดจองห้องพักจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเติบโตเกือบ 100% YoY ทั้งนี้ ในปี 2024 กลุ่มบริษัทมีแผนการเปิดให้บริการโรงแรมแบรนด์ NH และ NH Collection รวม 4 แห่ง Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 6.64 พันล้านบาท (+54.85% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 38.91 บาท
ERW ปิด 5.10 บาท/แนวรับ 4.96 บาท แนวต้าน 5.55 บาท
ERW คาดการณ์ปี 2023 มีอัตราการจองห้องพัก (OCC) เฉลี่ยที่ราว 85% และรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (ADR) เฉลี่ยเติบโตราว 80% YoY และเติบโตสูงกว่าปี 2019 ราว 20% โดยเป็นการเติบโตจากทุกกลุ่มโรงแรม (Luxury, Mid-Scale, Hop Inn) ทั้งนี้ ปัจจุบันมีห้องพักในการบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 10,188 ห้อง พร้อมคาดการณ์ OCC เฉลี่ยทั้งปี 2024 มีแนวโน้มทรงตัวที่ 85% Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 729.81 ล้านบาท (พลิกจากขาดทุนสุทธิ 224.19 ล้านบาท ในปี 2022) และมูลค่าเหมาะสมที่ 6.17 บาท







