วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ OR ประมาณการ 4Q66F: ถูกฉุดโดยผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ OR ประมาณการ 4Q66F: ถูกฉุดโดยผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ OR ใน 4Q66F จะอยู่ที่ 466 ล้านบาท (ดีขึ้น YoY จากขาดทุนสุทธิ 744 ล้านบาท ใน 4Q65, -91% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการเดิมเบื้องต้นของเรา

เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันลดลงโดยมีสาเหตุหลักมาจากผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ในขณะเดียวกันผลประกอบการที่ฟื้นตัวขึ้น YoY แต่แย่ลง QoQ ใน 4Q66F เป็นเพราะเราคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันจะอยู่ที่ 0.75 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้นจากระดับที่ต่ำ
ผิดปกติที่ 0.48 บาท/ลิตร ใน 4Q65 แต่ลดลงจาก 1.26 บาท/ลิตรใน 3Q66 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าปริมาณยอดขายน้ำมันของ OR จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3% QoQ เป็น 6,950 ล้านลิตร เนื่องจากเป็นช่วง high season ของการท่องเที่ยวในประเทศไทย นอกจากนี้ เรายังคาดว่ากำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะคาดว่าปริมาณยอดขายกาแฟของ OR จะเพิ่มขึ้น 3% QoQ ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 95 ล้านแก้ว ในขณะเดียวกันคาดว่ายอดขายของร้าน 7-Eleven ในสถานีบริการน้ำมันแบรนด์ PTT จะเพิ่มขึ้น QoQ ตามจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่สถานีบริการเพิ่มขึ้น เรายังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจที่ไม่ใช่
น้ำมันของบริษัทจะทรงตัว QoQ อยู่ที่ 53.5% สำหรับรายการพิเศษ เราคาดว่าบริษัทจะบันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 547 ล้านบาทใน 4Q66F ลดลง QoQ จากที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 732 ล้านบาท เพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้น 2.30 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 4Q66

ผลกระทบจากการใช้มาตรฐาน Euro 5 ในประเทศไทยอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ประเทศไทยได้นำมาตรฐาน Euro 5 มาใช้ (เข้มขึ้นจากเดิมที่ใช้ Euro 4) เพื่อลดมลพิษทางอากาศ และปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ตามปกติแล้ว premium ของคุณภาพน้ำมันที่แตกต่างกันระหว่างมาตรฐาน Euro 4 และ Euro 5 ในตลาดน้ำมันภูมิภาคจะอยู่ที่ประมาณ US$0.4/bbl (หรือประมาณ 0.09 บาท/ลิตร) ซึ่งโรงกลั่นในประเทศบอกว่าจะถูกนำมาใส่ไว้ในราคาขายหน้าโรงกลั่นของน้ำมันดีเซล และเบนซิน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยยังตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเอาไว้ที่ 29.94 บาท/ลิตร ซึ่งหมายความว่าราคาน้ำมันดีเซลหน้าโรงกลั่นที่สูงขึ้นประมาณ 0.09 บาท/ลิตร จากการเปลี่ยนจากมาตรฐาน Euro 4 มาเป็น Ero 5 จะไปกดดันค่าการตลาดของผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน ถึงแม้ OR จะบอกว่าบริษัทสามารถบริหารจัดการค่าการตลาดน้ำมันโดยรวมได้จากการขึ้นราคาน้ำมันชนิดอื่นเพื่อมาชดเชยต้นทุนน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นประมาณ 0.09 บาท/ลิตร จากการใช้มาตรฐาน Euro 5 แต่เรายังคงปรับลดประมาณการกำไรของ OR ในปี 2567F ลง 8% เหลือ 1.31 หมื่นล้านบาท เพื่อความอนุรักษ์นิยม โดยเราได้ปรับลดสมมติฐานค่าการตลาดน้ำมันของ OR ในปีนี้ลง 5% (หรือ 0.05 บาท/ลิตร) เหลือ 1.00 บาท/ลิตร

Valuation & action

เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2567F เป็น 24.00 บาท จากเดิม 26.00 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการกำไรในปี 2567F ซึ่งอิงจาก PE ที่ 22.0x ถึงแม้เราจะยังคงคำแนะนำซื้อ แต่เราได้ถอด OR ออกจากพอร์ตหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงานของเราไปแล้ว (ดูบทวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ KGI ฉบับวันที่ 17 มกราคม 2567) นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะถูกกดดันจากผลการดำเนินงานใน 4Q66F ที่แย่ลง QoQ ไปอีกระยะหนึ่ง

 

Risks

ความผันผวนของค่าการตลาดน้ำมัน, ปริมาณยอดขายน้ำมัน และปริมาณยอดขายกาแฟ

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ OR ประมาณการ 4Q66F: ถูกฉุดโดยผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ OR ประมาณการ 4Q66F: ถูกฉุดโดยผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ OR ประมาณการ 4Q66F: ถูกฉุดโดยผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ OR ประมาณการ 4Q66F: ถูกฉุดโดยผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน