วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง โมเมนตัมบวก จากมาตรการของขวัญปีใหม่ของรัฐบาล

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง โมเมนตัมบวก จากมาตรการของขวัญปีใหม่ของรัฐบาล

ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Up แนวต้าน 1,412 จุด (EMA 50 วัน) และแนวต้านเดิม 1,417/1,427 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,396 จุด (EMA 25 วัน) ทั้งนี้ โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยระยะสั้นยังคงอยู่ในช่วงของการแรลลี่ หลังจากดัชนีฯ พุ่งขึ้นแรงจาก 1,354.73 จุด เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.

ในทางตรงกันข้ามดัชนีฯ จะเปลี่ยนเป็นสัญญาณอ่อนตัว หากดัชนีฯ หลุดแนวรับ EMA 25 วัน ที่ 1,396 จุด

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง โมเมนตัมบวก จากมาตรการของขวัญปีใหม่ของรัฐบาล

ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

+Holiday: ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปิดต่อเนื่อง (Boxing Day) คาดส่งผลกระทบเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย ในฐานะที่นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิรายใหญ่ในตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมา

+US Santa Rally Effect: อิงสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2020-23 พบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P500 Index ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 0.8-1.43% ระหว่างปี 2020-23 ในช่วง 5 วันสุดท้ายของปีก่อนรวมกับ 2 วันแรกของปีใหม่ (ซื้อขาย 7 วันทำการ) เป็นผลจากแรงซื้อกองทุนเพิ่มเติมหลังจากได้รับเงินโบนัส และการมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้า โดยทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เป็นบวก คาดว่าจะส่งผล Positive Sentiment ต่อตลาดหุ้นโลกในระยะเวลาเดียวกันด้วย

+Fund Manager Survey เดือน ธ.ค. (Figure 1 & 2).: อิงผลสำรวจผจก.กองทุนโลกเดือน ธ.ค. ของ Bank of America พบว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุน สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2022 เป็นต้นมา จากการคาดว่าจะเกิดภาวะ Goldilocks ในปี 2024 ส่งผลต่อการลดถือครอง Cash ลงมาที่ระดับต่ำสุดรอบ 2 ปี ที่ 4.5% และเพิ่มน้ำหนักลงทุน Equities ต่อเนื่องด้วยระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2022 (15% OW) และ Bonds ที่ระดับ OW สูงสุดรอบ 15 ปี หรือนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2009 (20% OW) ขณะที่ลดน้ำหนักลงทุน Commodities (Highest UW นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2017

 

ภาพรวมเศรษฐกิจมีมุมมองบวกมากขึ้น: 50% ของผจก.กองทุน (ลดลงจากเดือนก่อนหน้า -7 ppt) คาดว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะอ่อนแอ แต่ 70% คาดว่าจะเป็นเพียงภาวะ Soft/No Landing ขณะที่ 75% (-1 ppt) คาดว่าเงินเฟ้อโลกจะปรับลดลงต่อเนื่อง ส่งผลต่อ 91% ของผลสำรวจ เชื่อว่าวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดสิ้นสุดลงแล้ว ขณะที่ส่วนใหญ่ 89% คาดว่าเฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และ 62% เชื่อว่า Bond Yields จะปรับลดลง ทั้งนี้ คาดว่า Bonds & Tech จะเป็นสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการลดอัตราดอกเบี้ยใน 1H24

Sector/Regions Rotation: ย้ายกลุ่มลงทุนไปยัง Stocks, Banks (OW สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2023), EU, Industrials, Materials, หุ้นกลุ่ม Small Cap และออกจาก Cash, Commodities, Energy (UW สูงสุดนับตั้งแต่ ธค.2020), REITs  ขณะที่ภาพรวมใหญ่ยังคง Bullish : Health Care, Tech, Bonds, Stocks, Japan, US และ Bearish: Utilities, UK, REITs, Energy, Commodities

+ผลประชุมครม.: เราคาดว่า Positive Sentiment จะมาจากการประกาศมาตรการที่เป็นของขวัญปีใหม่ ของกระทรวงต่าง ๆ เช่น ค่าใช้ทางด่วนฟรีหรือการตรึงราคาน้ำมันหน้าปั๊ม ตลอดช่วงปีใหม่ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยหนุนการเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจสูงขึ้นในช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ (วันที่ 29 ธ.ค. 2023-1 ม.ค. 2024)

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้

+US: รายงานตัวเลขราคาบ้านเดือน ต.ค. โดย Consensus คาดตัวเลขราคาบ้านยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น อิง S&P/Case Shilller Home Price เดือน ต.ค. คาด +0.2% MoM, +5% YoY(Vs เดือน ก.ย. +0.2% MoM, +3.9% YoY) และตัวเลข House Price Index เดือน ต.ค. คาด +0.6% +6.5%YoY (Vs เดือน ก.ย. +0.6% MoM +6.1%YoY)
 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นบลูชิพที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐ ได้แก่ MTC MOSHI ERW

 

 

 

 

 

Strategic daily picks

MTC    ปิด 46.75 บาท/แนวรับ 44.25 บาท แนวต้าน 48.00 บาท

KTX คาดความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เห็นได้จากเลื่อนชั้นลูกหนี้จาก NPL ขึ้นมาจัดชั้น Stage 2 รวมถึงทิศทาง NPL formation มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เราคาดว่าภาพการฟื้นตัวของกำไรในปี 2024E ยังเป็นไปตามประมาณการจากแนวโน้มที่ดีขึ้นของคุณภาพสินทรัพย์ โดยยังคงคาแนะนำ Outperform

MOSHI   ปิด 52.75 บาท/แนวรับ 49.75 บาท แนวต้าน 55.25 บาท

4Q23 คาดแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุน 1) เป็นช่วง high season 2) การเปิดตัวสินค้าใหม่ ควบคู่ไปกับการทำตลาด และ 3) การเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติม (Moshi Moshi 11 สาขา, GARLIC 2 สาขา) โดยคาดจะหนุนรายได้รวมทั้งปี 2023 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% (เป้าเดิมโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 2022) นอกจากนี้ ยังเป็น 1 ในหุ้นที่ได้เข้าคำนวณในดัชนี SET100 ในรอบ 1H24 Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 379.25 ล้านบาท (+49.80% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 59.57 บาท

ERW     ปิด 5.20 บาท/แนวรับ 4.98 บาท แนวต้าน 5.70 บาท

บริษัทตั้งเป้ามีโรงแรมบัดเจ็ท (HOP INN) ทั้งในและต่างประเทศราว 150 แห่ง (ปัจจุบัน 67 แห่ง) ในระยะ 5-7 ปี (ปี 2023-30) อาทิ ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย เวียดนาม ออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งล่าสุดเข้าลงทุนในโรงแรมกลุ่มบัดเจ็ทในประเทศญี่ปุ่นอีก 4 แห่ง มีห้องพักรวมทั้งสิ้น 373 ห้อง Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 722.73 ล้านบาท (+222.38% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 6.18 บาท

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง โมเมนตัมบวก จากมาตรการของขวัญปีใหม่ของรัฐบาล วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง โมเมนตัมบวก จากมาตรการของขวัญปีใหม่ของรัฐบาล