วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PTTEP เพิ่มงบลงทุนห้าปี (2567F-71F)

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PTTEP เพิ่มงบลงทุนห้าปี (2567F-71F)

บริษัทคาดว่าปริมาณยอดขายจะโต 4.9% CAGR ในอีกห้าปีข้างหน้า

ผู้บริหารคาดว่าปริมาณยอดขายจะเพิ่มขึ้น 9% YoY เป็น 505KBOED ในปี 2567F เนื่องจาก PTTEP จะเร่งเพิ่มการผลิตที่แหล่งก๊าซเอราวัณจาก 400mmscd ในเดือนกรกฎาคม 2566 จนเต็มตามข้อตกลงที่ 800mmscfd ในเดือนเมษายน 2567 ในขณะที่คาดว่าปริมาณยอดขายในปี 2568F จะเพิ่มขึ้น 4% YoY เป็น 523KBOED เนื่องจากจะเป็นปีแรกที่รับรู้ยอดผลิต 800mmscfd จากโครงการเอราวัณเต็มปี นอกจากนี้ โครงการ Abu Dhabl Offshore 2 เฟสที่ 1 กำลังการผลิต 300mmscfd (คิดเป็นปริมาณในส่วนของ PTTEP 5KBOED) ยังมีกำหนดจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ใน 2H68 ซึ่งจะทำให้ปริมาณยอดขายในปี 2569F เพิ่มขึ้น 2% YoY เป็น 534KBOED แต่อย่างไรก็ตามปริมาณยอดขายของ PTTEP ในปี 2570F จะลดลงเล็กน้อย YoY มาอยู่ที่ 531KBOED เนื่องจากปริมาณยอดขายของโครงการ S1 ในประเทศไทยและ Yadana ในประเทศพม่าลดลง เพราะการผลิตทั้งสองแหล่งถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ในขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าปริมาณยอดขายในปี 2571F จะดีดตัวขึ้น 11% YoY เป็น 587KBOED เนื่องจากจะมีการเริ่มเปิดดำเนินการสามโครงการใหม่ใน 1H71 ได้แก่ i) โครงการ Lang Lebah (SK410B) ที่มาเลเซีย กำลังการผลิต 800-1,000mmscfd (คิดเป็นปริมาณในส่วนของ PTTEP 72KBOED), ii) โครงการ HBR เฟส 2 ที่อัลจีเรีย กำลังการผลิต 30KBD และ iii) โครงการ LNG ที่โมซัมบิก กำลังการผลิต 13MTA

 

 

ตั้งงบลงทุนห้าปีเพิ่มขึ้น (CAPEX และ OPEX) เป็น 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ

PTTEP ตั้งงบลงทุนห้าปีสำหรับปี 2567F-2571F ไว้ที่ 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ เพิ่มขึ้น 12% หรือ 3.5 พันล้านดอลลาร์ฯ จากแผนลงทุนห้าปีสำหรับปี 2566F-2570F ที่ตั้งไว้ 2.91 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ โดยงบลงทุนส่วนที่เพิ่มขึ้น 3.5 พันล้านดอลลาร์ฯ แบ่งเป็น i) ประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์ฯ จากการพัฒนาสองโครงการใหม่ (Abu Dhabl Offshore 2 เฟสที่ 1 และ SK417 ที่มาเลเซีย) และการเลื่อนพัฒนาสามโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (SK410B ที่มาเลเซีย, HBR เฟสที่ 2 ในอัลจีเรีย และ LNG ที่โมซัมบิก), ii) ประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์ฯ จากต้นทุนค่าแท่นขุดเจาะน้ำมันและ logistic ที่สูงขึ้น และ iii) ประมาณ 1.0 พันล้านดอลลาร์ฯ จากจำนวนหลุมสำรวจและหลุมประเมินผล (exploration & appraisal wells) ที่
เพิ่มขึ้น

 

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F/2568F ลง 4%/9%

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ลง 4% เหลือ 6.36 หมื่นล้านบาท และปี 2568F ลง 9% เหลือ 5.44 หมื่นล้านบาท เนื่องจากต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นและปริมาณยอดขายลดลง โดยเราปรับเพิ่มสมมติฐานต้นทุนต่อหน่วยขึ้นอีก 4% เป็น US$29.0/BOE ในปี 2567F และเป็น US$28.7/BOE ในปี 2568F หลังจากที่ผู้บริหาร PTTEP คาดว่าต้นทุนค่าแท่นขุดเจาะน้ำมันและ logistic จะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์บริการที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำมัน นอกจากนี้ เรายังปรับลดสมมติฐานปริมาณยอดขายของ PTTEP ปี 2567F ลง 1% เหลือ 505KBOED และปี 2568F ลง 2% เหลือ 523KBOED เนื่องจากการผลิตลดลงจากโครงการ Sabah K และ Sarawak (SK309&311) ในประเทศมาเลเซีย

 

 

Valuation & Action

เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2567F เหลือ 165.00 บาท จากเดิม 170.00 บาท (เพิ่งอัพเดตในบทวิเคราะห์กลุ่มพลังงานฉบับวันที่ 12 ธันวาคม 2566) ซึ่งคำนวณโดยวิธี DCF ใช้ WACC ที่ 8.8% และ terminal growth ที่ 1.0% เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการกำไร

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและก๊าซ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PTTEP เพิ่มงบลงทุนห้าปี (2567F-71F)

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PTTEP เพิ่มงบลงทุนห้าปี (2567F-71F)