วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เงินเฟ้อที่ติดลบควรมองเป็นปัจจัยบวกต่อกำลังซื้อในระยะถัดไป

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เงินเฟ้อที่ติดลบควรมองเป็นปัจจัยบวกต่อกำลังซื้อในระยะถัดไป

ภาพรวมยังแกว่งตัวตามข้อมูลเศรษฐกิจระหว่างรอมุมมองดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากการประชุมเฟด 13 ธ.ค. บรรยากาศลงทุนโดยรวมไม่คึกคักเคลื่อนไหวรอปัจจัยบวกใหม่และความชัดเจนมุมมองดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในการประชุมเฟด 13 ธ.ค.

ซึ่งจะส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของผลตอบแทนพันธบัตร ขณะที่ตลาดหุ้นโลกยังแกว่งตัวตามปัจจัยข่าวเศรษฐกิจที่เข้ามากระทบ ได้แก่ 1) ข่าวธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจใกล้เริ่มปรับนโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น 2) การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) พ.ย. วันศุกร์นี้ ที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง (เพิ่มจาก ต.ค.ที่ 150,000 ตำแหน่ง) เราประเมินตัวเลขระดับดังกล่าวหรือดีกว่า จะทำให้ตลาดลดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอ และยังหนุนจิตวิทยาเชิงบวกของการเก็งกำไรหุ้นรายตัว

เงินเฟ้อ พ.ย.ที่ลดลงมีโอกาสเป็นบวกต่อกำลังซื้อ กระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อ พ.ย. -0.25% MoM และ -0.44% YoY ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำสุดรอบ 33 เดือน และมีแนวโน้มจะติดลบต่อเนื่องในเดือนธ.ค. โดยปกติแล้วเงินเฟ้อที่ติดลบมักจะเป็นสัญญาณลบของกำลังซื้อ แต่ในกรณีของไทย เงินเฟ้อที่ปรับลดลงมาจากมาตรการภาครัฐที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย อาทิ การปรับลดราคาดีเซล 2 บาท/ลิตร, การปรับลดค่าไฟฟ้าในช่วง พ.ย.-ธ.ค. ดังนั้นเงินเฟ้อที่ลดลงรอบนี้ควรมองเป็นบวก เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง ทำให้คนมีกำลังซื้อในมือมากขึ้น ซึ่งคาดจะส่งผลบวกต่อกลุ่มค้าปลีกและการบริโภคในระยะถัดไป
 

 

หุ้นขนาดกลาง-เล็ก และหุ้นที่เป็นเป้าหมาย TESG มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี เราประเมินสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นจุดสมดุลระหว่างนโยบายการเงินที่มีโอกาสผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่สูงเกินไปจะเป็นสถานการณ์ที่สนับสนุนบรรยากาศในการเก็งกำไร โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่มีความเสี่ยงแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติต่ำ ขณะที่การเริ่มเสนอขายกองทุน TESG จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เม็ดเงินใหม่ ไหลเข้าลงทุนหุ้นใหญ่-กลาง ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการปรับขึ้นในช่วงปลายปี (Santa Clause Rally) โดยหุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายของการเข้าซื้อ ในกลุ่มที่มี ESG rating ที่ AAA และ AA ได้แก่ AAA - ADVANC, AMATA, BCP, BPP, CPALL, CPAXT, CPF, CRC, PTT, PTTGC, SCGP, TOP, WHA / AA – BAM, BBL, BCPG, BDMS, BJC, CPN, EA, EGCO, GLOBAL, IVL, MAJOR, MINT, RATCH, SCB, SJWD เป็นต้น

ภาพรวมกลยุทธ์ คาดบรรยากาศเก็งกำไรรายตัวโดยเฉพาะหุ้นกลาง-เล็ก ยังเป็นบวก และคงประเมินภาพใหญ่ของตลาดช่วงปลายปีต่อต้นปีฟื้น จากเงินเฟ้อชะลอ กดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลง บวกต่อการฟื้นตัวของหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง การลงทุนเน้นหุ้นพื้นฐานดีที่ให้ปันผลสูง ขณะที่การเก็งกำไรเน้นกลุ่มที่ยัง Laggard และผ่านจุดที่แย่ที่สุดของผลประกอบการมาแล้ว

หุ้นแนะนำ: ADVANC*, SCGP*, PTG*, ETL*

แนวรับ: 1,366-1,380 / แนวต้าน : 1,400 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

ฮ่องกง มาเก๊า และ 8 แบงก์จีน โดน Moody’s ลดแนวโน้มเครดิตเป็น “ลบ” ตามจีนติด ๆ- ฮ่องกง มาเก๊า และ 8 ธนาคารจีน โดนบริษัทจัดอันดับเครดิต “มูดี้ส์” (Moody’s) ลดแนวโน้มเครดิต (outlook) เป็น “ลบ” (negative outlook) ตามจีนไปติด ๆ พร้อมกันนี้ มูดี้ส์นำ 26 รัฐบาลท้องถิ่นกับ 4 รัฐวิสาหกิจจีนเข้าสู่การพิจารณาที่จะปรับลดเครดิตในเร็ว ๆ นี้ (ประชาชาติ)

ราคาน้ำมันร่วงหนักในรอบ 5 เดือน นักลงทุนกังวล กลุ่มโอเปก ลดกำลังผลิตเพิ่มไม่ได้- ราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เหตุนักลงทุนกังวล กลุ่ม OPEC+ ควบคุมเสถียรภาพราคาน้ำมันไม่ได้ แม้ประกาศขยายการลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเป็น 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ไทยรัฐ)

เงินเฟ้อส่งสัญญาณซึมยาว พาณิชย์’ตั้งเป้าปีหน้าบวก 0.7% - สนค.เผยเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ลดลง 0.44% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน ประเมินอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 อยู่ที่ติดลบ 0.3% ถึง 1.7% และมีค่ากลาง 0.7% (กรุงเทพธุรกิจ)

5 แบงก์ลงขันอุ้ม ITD จับตา 'หุ้นกู้' ล็อตใหญ่ครบชำระต้นปีหน้า 2 พันล้าน - ITD เฉียดเบี้ยวจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ วงการตลาดทุนเผยได้ 5 แบงก์พาณิชย์ลงขันปล่อยสินเชื่อเติมทุน แนะจับตาต้นปีหน้ามีหุ้นกู้ล๊อตใหญ่ครบชำระอีก 2 พันล้าน แถมมีหนี้แบงก์ที่ครบกำหมดอีกราว 1.6 หมื่นล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)

 

ประเด็นติดตาม: 8 ธ.ค. - US Average Hourly Earnings, Nonfarm Payrolls, Unemployment Rate, TH Foreign Reserve/ 10 ธ.ค. - TH Constitution Day / 12 ธ.ค. - US Core CPI / 13 ธ.ค. - US PPI, Fed Interest Rate Decision

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)