วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ นักลงทุนจะเริ่มชั่งน้ำหนักผลดีดอกเบี้ยและผลเสียเศรษฐกิจชะลอ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ นักลงทุนจะเริ่มชั่งน้ำหนักผลดีดอกเบี้ยและผลเสียเศรษฐกิจชะลอ

ตลาดยังแกว่งจากตัวเลขเศรษฐกิจและการจ้างงาน ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวานนี้ได้แก่ 1) ยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมัน พ.ย.ลดลง 3% MoM

2) ยอดค้าปลีกของยูโรโซน ต.ค. ที่ชะลอลงเป็น +0.1% MoM, -1.2% YoY (มากกว่าที่ตลาดคาดที่ +0.2% MoM, -1.1% YoY) 3) ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ พ.ย.ของ ADP ที่เพิ่มขึ้น 103,000 ตำแหน่ง (ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 128,000 ตำแหน่ง และใกล้เคียงต.ค.ที่ 106,000 ตำแหน่ง) ภาพรวมยังประเมินตลาดหุ้นให้น้ำหนักปัจจัยบวกจากโอกาสปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจจะเกิดเร็วขึ้นกว่าเดิมที่ตลาดคาดไว้กลางปี 2567 (ล่าสุดเริ่มมีการคาดการณ์อาจเห็นการลดดอกเบี้ยตั้งแต่ มี.ค.) อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจที่ลดความร้อนแรงและชะลอตัวลง อาจทำให้ตลาดเกิดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เมื่อมองจากปฏิกิริยาของตลาดน้ำมันดิบที่ปรับลดลงแรงถึง 4% เมื่อคืนนี้ ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ วานนี้ปิดที่ 4.106% // ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ก่อนการประชุมเฟด 13 ธ.ค.นี้ คือการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) พ.ย. วันศุกร์นี้ ที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง (เพิ่มจาก ต.ค.ที่ 150,000 ตำแหน่ง) เราประเมินตัวเลขระดับดังกล่าวหรือดีกว่า จะทำให้ตลาดลดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอ และยังหนุนจิตวิทยาเชิงบวกของการเก็งกำไรหุ้นรายตัว
 

หุ้นขนาดกลาง-เล็ก และหุ้นที่เป็นเป้าหมาย TESG มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี เราประเมินสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นจุดสมดุลระหว่างนโยบายการเงินที่มีโอกาสผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่สูงเกินไปจะเป็นสถานการณ์ที่สนับสนุนบรรยากาศในการเก็งกำไร โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่มีความเสี่ยงแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติต่ำ ขณะที่การเริ่มเสนอขายกองทุน TESG จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เม็ดเงินใหม่ ไหลเข้าลงทุนหุ้นใหญ่-กลาง ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการปรับขึ้นในช่วงปลายปี (Santa Clause Rally) โดยหุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายของการเข้าซื้อ ในกลุ่มที่มี ESG rating ที่ AAA และ AA ได้แก่ AAA - ADVANC, AMATA, BCP, BPP, CPALL, CPAXT, CPF, CRC, PTT, PTTGC, SCGP, TOP, WHA / AA – BAM, BBL, BCPG, BDMS, BJC, CPN, EA, EGCO, GLOBAL, IVL, MAJOR, MINT, RATCH, SCB, SJWD เป็นต้น

ภาพรวมกลยุทธ์  คาดบรรยากาศเก็งกำไรรายตัวโดยเฉพาะหุ้นกลาง-เล็ก ยังเป็นบวก และคงประเมินภาพใหญ่ของตลาดช่วงปลายปีต่อต้นปีฟื้น จากเงินเฟ้อชะลอ กดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลง บวกต่อการฟื้นตัวของหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง การลงทุนเน้นหุ้นพื้นฐานดีที่ให้ปันผลสูง ขณะที่การเก็งกำไรเน้นกลุ่มที่ยัง Laggard และผ่านจุดที่แย่ที่สุดของผลประกอบการมาแล้ว

หุ้นแนะนำ: ADVANC*, SCGP*, AAI*, SJWD*

แนวรับ: 1,366-1,380 / แนวต้าน : 1,400 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%


 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

กกร.ประเมิน GDP ไทยปี 67 โต 2.8-3.3% เสี่ยงโตต่ำกว่าระดับศักยภาพ 3% เป็นปีที่ 6 - เนื่องจากเผชิญปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัจจัยความเปราะบางในประเทศ (อินโฟเควสท์)

ธปท.คลอดเกณฑ์ตั้งเอเอ็มซี เปิดทางแบงก์รัฐจับมือเอกชนเคลียร์หนี้ - ธปท.เปิดรับฟังหลักเกณฑ์การร่วมทุนของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ เร่งแก้ไขปัญหาหนี้เสียในระบบ SFIs ล็อกยอดหนี้เน่าพุ่ง ต้องจดทะเบียนภายใน 31 ธ.ค. 67 บริษัทรับบริหารหนี้ตาลุก-ขานรับ ชี้เป็นโอกาสแชร์ผลประโยชน์ win-win ทั้ง 2 ฝ่าย “CHAYO” คาดมีหนี้เสียคาแบงก์รัฐไม่ต่ำกว่าแห่งละแสนล้านบาท (ประชาชาติ)

กกร.ขอตรึงค่าไฟ 3.99 บาท ขู่ปรับราคาสินค้า 5-10% - กกร.ขอตรึงค่าไฟงวดแรกปี 2567 ที่ 3.99 บาท ขู่ปรับราคาสินค้า 5-10% วอนรัฐบาลตั้ง กรอ. พลังงานฝ่าวิกฤติค่าไฟแพง หวั่นนักลงทุนหนีซบเพื่อนบ้าน แนะเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา หาแหล่งก๊าซธรรมชาติแทนเอราวัณผลิตไม่เข้าเป้า (ประชาชาติ)

โจทย์ใหม่ส่งออกกุ้งไทย 4 หมื่นล้าน สหรัฐ-ญี่ปุ่นงัด “มาตรฐานยั่งยืน” - มาตรฐานกุ้งยั่งยืน ASC โจทย์ใหม่การส่งออกกุ้งไทย ยักษ์ค้าปลีก “คอสโก้-อิออน” ดีเดย์สั่งซื้อกุ้งที่มีใบรับรอง ASC กลุ่มไทยยูเนี่ยนนำร่อง “โค้ชชิ่ง ASC” ให้ผู้เลี้ยง 250 ฟาร์ม สมาคมกุ้งไทยผนึกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งประเดิมส่งฟาร์มสุราษฎร์เข้ามาตรฐาน ASC หวังเป็นใบเบิกทางคว้าโอกาสส่งออกตลาดสหรัฐ ทวงบัลลังก์กุ้งไทย หลังคู่แข่งเจอมาตรการ AD-CVD อ่วม (ประชาชาติ)

 

ประเด็นติดตาม: 7 ธ.ค. - US Initial jobless claim, TH CPI / 11 ธ.ค. - TH Constitution Day / 12 ธ.ค. - US Core CPI / 13 ธ.ค. - US PPI, Fed Interest Rate Decision

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)