วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก อ่อนตัว

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก อ่อนตัว

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลง สาเหตุมาจากตลาดขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่และมีแรงขายหุ้นกลุ่มบิ๊กแคปได้แก่ BH CPALL และ COM7 ขณะที่นักลงทุนติดตามคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,404.97 จุด -6.80 จุด -0.48% มูลค่าการซื้อขาย 49,743 ลบ. ต่างชาติ -3,112 ลบ. TFEX -19,941 สัญญา ตราสารหนี้ +2,279 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ +0.54% ปิดที่ 75.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหลังจากราคาน้ำมันร่วงหนักก่อนหน้า
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในปีนี้แม้ได้รับรู้ถ้อยแถลงของนายพาวเวล แต่นักลงทุนมองว่าการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าอาจจะถูกเลื่อนออกไป
+ ตลาดหลักทรัพย์ รับว่าพบการ "ชอร์ตเซล" ของนักลงทุนกลุ่มอื่นใน "หุ้นขนาดเล็ก" เร่งติดตามตรวจสอบหาผู้ทำผิด-ดำเนินฟ้องร้องให้เร็วขึ้น
+ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนต.ค. 2566 ว่า ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 58.7 เป็น 60.2 ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สูงสุดในรอบ 44 เดือน นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม โอกาสหางานทำโดยรวม และรายได้ในอนาคตปรับเพิ่มขึ้นทุกรายการ

ปัจจัยลบ  

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 220.33 จุด หรือ -0.65% หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังจากผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีออกมาน่าผิดหวัง
- นายพาวเวลกล่าวในงานเสวนาของ IMF ว่า เจ้าหน้าที่เฟดยังไม่มั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงมากพอที่จะควบคุมเงินเฟ้อได้หรือไม่ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าภารกิจในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่เสร็จสิ้น

- WHO เตือนว่าประชาชนในฉนวนกาซามีควมเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญกับโรคระบาด เนื่องจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลด้วยการทิ้งระเบิดนั้นได้ส่งผลกระทบต่อระบบการดูแลสุขภาพ
-กองทัพอิสราเอลยืนยันว่าไม่ได้ตกลงหยุดยิงโดยยังคงใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา แต่จะอนุญาตให้มีการพักการสู้รบเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อให้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
 

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากประธานเฟด ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น มองกรอบดัชนี 1,400 -1,410 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน    

• งบ 3Q23 ออกมาดีกว่าตลาดคาด : KBANK BBL KTB TTB
• คาดงบ 3Q23 ดี : SPA AU AUCT
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ปรับตัวลง : TIDLOR SAWAD MTC
• นายกสั่งเอกชนเดินหน้าโครงการเหมืองแร่โปแตช : TRC ITD

  

หุ้นรายงานพิเศษ  

KCE ซื้อเมื่ออ่อนตัว
(Bloomberg Consensus 55.50 บาท)

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก อ่อนตัว

•งวด 3Q66 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 519.5 ลบ.+38.1%QoQ, -20.7%YoY เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 48.9 ลบ. โดยมีรายได้จากการขาย 4,326.5 ลบ. +11.0%QoQ, -6.6%YoY รายได้เพิ่มขึ้น QoQ จาก demand ของลูกค้าที่ดีขึ้น มีการสั่งสินค้าเข้าสต็อคมากขึ้น %GPM 22.0% ปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ แต่ลดลง YoY เทียบกับในงวด 2Q66 ที่ 19.1% และงวด 3Q65 ที่ 24.3% %GPM ที่ปรับตัวสูงขึ้นสาเหตุหลักจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และต้นทุนของทองแดงที่ปรับตัวลง

•Outlook บริษัทคาดว่า ในงวด 4Q66 รายได้จะเติบโตราว 3-4%QoQ ตามคำสั่งซื้อที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมทั้งคาดว่า %GPM จะปรับตัวดีขึ้น QoQ มาอยู่ที่ระดับ 23-24% จาก 22% ใน 3Q66 และคาดรายได้ปี 67 เติบโตราว 8-12% และคาด %GPM ที่ระดับ 26-27% เป็นผลมาจากรายได้ที่สูงขึ้น จะทำให้บริษัทมี Utilization rate ขึ้นมาที่ระดับ 85-86% (เทียบกับงวด 3Q66 ที่ 77%)

ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานปี 67 ที่บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตราว 8-12% และ %GPM ที่จะปรับตัวดีขึ้น โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรปี 66 ราว 1,761 ลบ. -24%YoY และปี 67 ราว 2,367 ลบ. +34%YoY กำไรงวด 9M66 คิดเป็น 70% ของประมาณการทั้งปี 66 มีราคาเหมาะสม Consensus เฉลี่ย 55.00 บาท จาก upside ที่จำกัด จึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

 

หุ้นมีข่าว

(-) JKN (Bloomberg consensus - บาท) ยื่นฟื้นฟูกิจการแล้ว ปิดทางชำระหนี้ ยืนยันเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง และไม่มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงหนี้ เปิดบัญชีพบหนี้เจ้าหนี้หุ้นกู้เยอะ 3.2 พันล้านบาท ส่วนหนี้สถาบันการเงินแค่ 365 ล้านบาท ย้อนรอยลงทุน JKN18 - มิสยูนิเวิร์ส กว่า 1.8 พันล้านบาท ยังขาดทุนอ่วม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ICHI (Bloomberg consensus 18.30 บาท) อวดงบไตรมาส 3/2566 กวาดยอดขาย 2,077 ล้านบาท โต 25% ทำกำไรสุทธิ 328 ล้านบาท พุ่ง 71% ทุบสถิติสูงสุดใหม่เป็นครั้งที่ 30 จากดีมานด์ตลาดในประเทศกลุ่มชาเขียว-เย็นเย็น-น้ำด่าง-เครื่องดื่มอัดก๊าซหนุน ดันรายได้ปีนี้ทะยาน 7,800 ล้านบาท บอร์ดใจป้ำจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.50 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) STA (Bloomberg consensus 18.00 บาท) คาดไตรมาสสุดท้ายของปีจะฟื้นตัว ชี้โค้งสามเป็นจุดต่ำสุด รับปัจจัยบวกผลผลิตยางออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ราคาขายเฉลี่ยยางแท่งเพิ่มขึ้น และสต็อกยางของผู้ประกอบการยางล้อที่เริ่มลดลง พร้อมจัดตั้งศูนย์รับซื้อวัตถุดิบแห่งที่ 2 ในประเทศไอวอรี่โคสต์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการจัดหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SCGP (Bloomberg consensus 43.10 บาท) มองเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นหนุนธุรกิจบรรจุภัณฑ์ดีมานด์เพิ่ม ลุ้นไตรมาส 4/2566 โตดี รับอานิสงส์จีนกลับมาเพิ่มออเดอร์ ส่วนปี 2567 วางงบ 2 หมื่นล้านบาท เดินหน้าดีล M&P ใหม่ต่อเนื่อง แย้มสนใจลงทุนตลาดเวียดนาม อินโดนีเซีย (ที่มา ทันหุ้น)