วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ผลตอบแทนพันธบัตรจะลดช่วงหนุนการฟื้นตัวของหุ้นปลายปี

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ผลตอบแทนพันธบัตรจะลดช่วงหนุนการฟื้นตัวของหุ้นปลายปี

ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวขึ้นจากหลายปัจจัย 1) ผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนชะลอตัวลง หลังทิศทางเงินเฟ้อในสเปนทรงตัว ขณะที่บางพื้นที่ในเยอรมันปรับลดลง 2) ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ หลายแห่งออกมาดี

3) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ปรับลดคาดการณ์วงเงินที่คาดว่าจะต้องกู้ยืมในไตรมาสนี้ลง (เหลือ 776 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก คาดการณ์ ก.ค.ที่ 852 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เนื่องจากเศรษฐกิจที่ดี ทำให้รายได้ภาษีมากกว่าคาด ช่วยลดความกังวลที่ตลาดประเมินสหรัฐฯ อาจต้องเสนอขายพันธบัตรจำนวนมากเพื่ออุดหนุนการขาดดุล 4) สถานการณ์รบในตะวันออกกลางที่ยังมีผลกระทบจำกัด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง ทำให้ความกังวลเงินเฟ้อจะกลับมาเพิ่มขึ้นลดทอนลง // โดยรวมตลาดยังเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินผลตอบแทนพันธบัตรจะทยอยลดลงตามเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง (Disinflation) โดยนักลงทุนควรติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆที่จะทยอยประกาศออกมา

คงมุมมองบวกต่อหุ้นผลประกอบการแกร่ง หุ้น Valuation ไม่แพง หุ้นที่มีโอกาสถูกปรับเพิ่มน้ำหนักจากดัชนี SET50-SET100 ใหม่ โดยอาจเลือกเก็งกำไรหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุด หุ้นกลุ่มที่เราชอบได้แก่ 1) กลุ่มผลประกอบการแข็งแกร่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรม, การแพทย์ ท่องเที่ยว ได้แก่ AMATA, BDMS, ERW, SPA, VRANDA 2) หุ้นที่ Valuation ไม่แพง ได้แก่ MAJOR, TU, EGCO 3) หุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายการเพิ่มน้ำหนักของดัชนี SET50-SET100 ใหม่(free float adjusted market cap) ได้แก่ กลุ่มธนาคาร การแพทย์ อาทิ BBL, KBANK, SCB, BDMS, CPN, PTT เป็นต้น
 

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว โดยมี downside 1,350-1,380 จุด แต่สัปดาห์นี้ลุ้นจุดเปลี่ยนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ มีโอกาสชะลอลงหลังสัปดาห์นี้ จะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงปลายปี ช่วงสั้นระวังแรงทำกำไรในกลุ่มที่ Outperform มากตั้งแต่ต้นปี ภาพการเก็งกำไรยังเน้นกลุ่มฃ valuation ไม่แพงและปันผลสูงจะเริ่มมี downside จำกัด 

หุ้นแนะนำ: MAJOR*, SCGP*, TU*, JPARK*

แนวรับ: 1,370-1,380 / แนวต้าน : 1,415 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้ - ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จัดการประชุมในวันที่ 30-31 ต.ค. ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จัดการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จัดการประชุมในวันที่ 2 พ.ย. รวมทั้งจับตามองตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ (อินโฟเควสท์) 

บริษัทจีนกว่า 30 แห่งประกาศแผนซื้อหุ้นคืน บ่งชี้เอกชนมั่นใจแนวโน้มตลาด - บริษัทจดทะเบียนในจีนได้ประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทกองทุนรวมขนาดใหญ่ของจีน ได้ประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนเช่นกัน หลังจากรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อพยุงตลาดหุ้นจีนให้ฟื้นตัว และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับบริษัทจดทะเบียน (อินโฟเควสท์)
 

แจ้งความคืบหน้าเงินดิจิทัลจากงบปี 67 คาดเริ่มใช้ก.ย. 67 ผ่านแอป "เป๋าตัง" - โครงการดิจิทัลวอลเล็ต มีการปรับเปลี่ยนเช่นเรื่องการให้สิทธิประชาชน 56 ล้านคน เป็นตัวเลขที่ได้สิทธิจะเหลือ 40 กว่าล้านคน เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะใช้เงินจากงบประมาณ แต่คงไม่ถึง 500,000 ล้านบาท โดยผ่านการอนุมัติจากสภาฯ ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะล่าช้า ไม่น่าจะทันในเดือนก.พ. 67 แต่จะสามารถใช้ได้ในช่วงเดือนก.ย. แทน (อินโฟเควสท์)

ADVANC แจ้งผลประกอบการ - บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ งวดไตรมาส 3 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 8.15 พันลบ. (อินโฟเควสท์) 

NAM เข้าเทรดวันนี้ –  บมจ.นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น (NAM) IPO จำนวนไม่เกิน 181 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 7.70 บาท เป็นผู้ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (อินโฟเควสท์) 

 

ประเด็นติดตาม: 31 ต.ค. – EU CPI, US – CB Consumer Confidence /    1 พ.ย. - US Nonfarm Employment Change, PMI, JOLTs Job Openings, Fed Interest Rate Decision, FOMC Press Conference / 2 พ.ย. - Initial Jobless Claims  

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)