วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP สู้กับช่วงเวลาที่ท้าทาย

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP สู้กับช่วงเวลาที่ท้าทาย

การฟื้นตัวดูเหมือนจะช้ากว่าที่ SCGP ประเมินไว้ก่อนหน้านี้จากสถานการณ์ที่ท้าทายมากขึ้น ทั้งนี้ SCGP ได้ปรับลดงบลงทุนปี 2566 เหลือ 8-9 พันล้านบาท (จากเดิมที่ตั้งไว้ 2.0 หมื่นล้านบาท) เนื่องจากบริษัทใช้กลยุทธ์ที่ระมัดระวังมากขึ้น

เราเชื่อว่าการแข่งขันที่เข้มข้นในอินโดนีเซียจะยังคงเป็นจุดสนใจหลัก ในขณะที่เรามองการฟื้นตัวของจีนแบบระมัดระวังหลังจากที่เกิดปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ เราคิดว่าสถานการณ์ในประเทศจีนอาจจะกดดัน SCGP จากการที่จีนนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์ลดลง ส่งผลให้การแข่งขันในประเทศของตลาดส่งออกเป็นไปอย่างเข้มข้น ถึงแม้ว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจะดีขึ้น แต่เราคาดว่าการนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์ ซึ่งอยู่ที่ 90% ของระดับก่อน lock down จะยังอยู่ในช่วง 0.7-0.8 ล้านตัน/เดือน ในระยะสั้น เว้นแต่จะมีการออกมาตรการกระตุ้นขนานใหญ่ออกมา สำหรับ Fajar ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการแข่งขันสูงที่สุด SCGP เชื่อว่าผลการดำเนินงานจะเป็นบวกในปี 2567F เพราะการเลือกตั้งทั่วประเทศจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ การจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ Fajar มีผลขาดทุนหนักขึ้น โดยที่ EBITDA margin ใน 3Q66 อยู่ที่ -6.9% (จาก -0.2% ใน 2Q66)

 

แนวโน้มเป็นอย่างไร…?

เรายังคงประมาณการกำไรปี 2566-2568F ซึ่งต่ำกว่าตลาดอยู่ 8-10% เราคาดว่ากำไรใน 4Q66F จะดีขึ้น QoQ และ YoY จากการบริโภคที่แข็งแกร่งขึ้นตามฤดูกาล และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น เรายังไม่แน่ใจกับสถานการณ์ในปี 2567F เพราะอานิสงส์จากทางด้านต้นทุนน่าจะแผ่วลงไป ท่ามกลางภาวะที่ราคากระดาษ testliner ในภูมิภาคเริ่มลดลง

 

ผลประกอบการ 3Q66 – เป็นไปตามคาด

กำไรสุทธิ SCGP ใน 3Q66 อยู่ที่ 1.32 พันล้านบาท (-28% YoY, -11% QoQ) เป็นไปตามเราและตลาดคาด ส่วนกำไรหลักอยู่ที่ 1.31 พันล้านบาท (-13% YoY, -9% QoQ) ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 9M66 อยู่ที่ 4.0 พันล้านบาท (-25% YoY) คิดเป็น 76% ของกำไรปี 2566F กำไรที่ลดลง QoQ เพราะผลการดำเนินงานกลุ่ม fibrous อ่อนแอลง (20% ยอดขาย) เพราะการ overhaul ใหญ่ตามกำหนด (ต้นทุน ~100 ล้านบาท), low season และราคา dissolving pulp อ่อนแอลง ส่งผลให้ EBITDA margin ลดลงมาอยู่ที่ 13.0% (จาก16.1% ใน 2Q66) ทั้งนี้กลุ่ม integrated packaging (75% ยอดขาย) มี EBITDA margin เพิ่มเป็น 15.4%(จาก 15.0% ใน 2Q66) เพราะได้อานิสงส์ต้นทุน (กระดาษรีไซเคิล, ถ่านหิน, และค่าระวาง) แม้ว่าปริมาณและราคาลดลง ส่วนกำไรลดลง YoY เพราะการแข่งขันที่เข้มข้น และอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

 

Valuation and action

เรายังคงคำแนะนำถือ SCGP ด้วยราคาเป้าหมายที่ 39.00 บาท อิง EV/EBITDA ที่ 9x (ค่าเฉลี่ยหุ้นในกลุ่มฯที่ต่างประเทศ) ทั้งนี้จากความกังวลที่เพิ่มขึ้น (การแข่งขัน, ดอกเบี้ยขาขึ้น, และ พันธะในการเข้าซื้อ Fajar) เราคิดว่า ROE และ ROA ของ SCGP น่าจะฟื้นตัวได้ยาก นอกจากนี้ ท่ามกลางสภาวะที่นักวิเคราะห์ในตลาดปรับลดประมาณการ และ ราคาเป้าหมายลงอย่างมาก เราคาดว่าราคาหุ้นน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่แข็งแกร่งซึ่งจะมาช่วยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น

 

Risks

ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ และพลังงาน, ความเสี่ยงด้อยค่าดีล M&A, และความเสี่ยงของประเทศ