วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การฟื้นตัวกินเวลานานขึ้น

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การฟื้นตัวกินเวลานานขึ้น

ถึงแม้จะได้อานิสงส์ด้านต้นทุน (ถ่านหิน, กระดาษรีไซเคิล) แต่กำไรใน 3Q66F น่าจะออกมาน่าผิดหวัง (จากเดิมที่คาดเพิ่ม QoQ) ทั้งนี้วันที่ 24 ต.ค. เราคาดว่า SCGP จะรายงานกำไรสุทธิ 3Q66F ที่ 1.25 พันล้านบาท (-32% YoY, -16% QoQ)

โดยกำไรที่ลดลง QoQ เพราะกำไรธุรกิจ Fibrous (20% ของยอดขาย) อ่อนแอลงจากปิดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผน (ค่าใช้จ่าย ~100 ล้านบาท), ช่วง low season, และ margin ของ dissolving pulp ลดลง ส่วนธุรกิจ Integrated packaging (75% ของยอดขายof sales) น่าจะกำไรลดลง QoQ เพราะถูกกดดันจากผลการดำเนินงานที่แย่ลงในประเทศจีน ซึ่งทำให้ราคาบรรจุภัณฑ์ในตลาดส่งออกลดลง 4% QoQ และปริมาณยอดขายที่ทรงตัว ทั้งนี้เราคาดว่ากำไรที่ลดลง YoY ของ SCGP จะเป็นเพราะการแข่งขันที่เข้มข้นและตลาดยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เราคาดว่ากำไรสุทธิ 9M66F จะอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท (-26% YoY) คิดเป็น 75% ของกำไรปี 2566F ใหม่ของเรา

 

ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดเพราะการแข่งขันที่เข้มข้น และอุปสงค์ที่แผ่ว

การนำเข้าบรรจุภัณฑ์ของจีนทรงตัวอยู่ที่ 0.7-0.8 ล้านตัน/เดือน ใน 3Q66 และน่าจะใช้เวลากว่าที่การบริโภคจะเพิ่มขึ้น เว้นจะมีการออกมาตรการกระตุ้นที่เหนือความคาดหมาย ขณะเดียวกันเราคาดว่า SCGP จะถูกกดดันจากราคากระดาษรีไซเคิลอ้างอิง (AOCC) ที่ดีดตัวขึ้น ขณะที่ราคากระดาษ testliner ในภูมิภาคลดลง ซึ่งอาจทำให้ margin ลดลงถัดไป (Figure 3-4) โดยตลาดในไทยดูจะเป็นตลาดที่ประคองตัวได้ดีที่สุดสำหรับ SCGP รองลงมาคือเวียดนามที่ค่อยๆดีขึ้น ทั้งนี้เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2566-68F ลง 9-11% สะท้อนยอดขายที่อ่อนแอลง (Figure 7) ส่วน 4Q66 เราคาดว่าผลประกอบการจะดีดตัวขึ้น QoQ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การฟื้นตัวกินเวลานานขึ้น

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การฟื้นตัวกินเวลานานขึ้น

 

การเข้าซื้อ Fajar จะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนหรือไม่ …?

นอกจากสภาวะที่ท้าทายในอินโดนีเซียแล้ว เราคิดว่านักลงทุนยังกังวลกับการซื้อ Fajar ในอินโดนีเซียช่วงกลางปี 2567 ที่ต้นทุนประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท (EV/EBITDA ที่ค่อนข้างสูง) ในขณะที่ margin ลดลง (-0.2% EBITDA margin ใน 2Q66 ซึ่งต่ำกว่าระดับปกติปี 2562-64 ที่ 13-19%), ทำให้ ROA และ ROE ของ SCGP ฟื้นยาก แต่ทั้งนี้สถานการณ์อาจดีขึ้นในระยะยาว เพราะอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ในโลก ซึ่ง IMF คาดว่า GDP จะขยายตัวปีละ 5% โดยที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคแข็งแกร่ง นอกจากนี้ SCGP ยังสามารถจะขยาย value chain และหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ได้จากดีลนี้ด้วย

 

Valuation and action

แม้ risk/reward จะดูน่าสนใจตอนนี้นี้ (ราคาหุ้นร่วง 40% YTD ขณะที่ตลาดปรับลดกำไรปี 2566-67F ลง 30-35%) แต่เรายังไเห็นปัจจัยกระตุ้นที่แข็งแกร่งพอจะทำให้ rerate หุ้นตอนนี้ ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น, ดอกเบี้ยขาขึ้น และพันธะการซื้อ Fajar เราคิดว่า ROE และ ROA ของ SCGP น่าจะฟื้นคืนได้ยาก ดังนั้นเราจึงปรับลดคำแนะนำหุ้น SCGP เป็น ถือ ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 39.00 บาท (เดิม 46.00 บาท) สะท้อนการปรับลดกำไร และ EV/EBITDA เหลือ 9x (เท่ากับค่าเฉลี่ยหุ้นในกลุ่ม จากเดิมที่ให้ premium)

 

Risks

ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ และพลังงาน, ความเสี่ยงด้อยค่าดีล M&A, และความเสี่ยงของประเทศ

 

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCGP การฟื้นตัวกินเวลานานขึ้น