วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ภาคบริการเดือน ก.ย. ของ US, EU
ทางเทคนิค คาด SET Index อ่อนตัว แนวรับ 1,433/1,422 จุด แนวต้าน 1,455/1,460 จุด อิงรูปแบบดัชนีฯ อยู่ในทิศทางขาลงกรอบ 1,407-1,560 จุด หลังจากวานนี้ดัชนีฯ หลุดแนวรับต่ำสุดปีนี้ที่ 1,461.61 จุด (เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.)
ส่วนสัญญาณการเข้าซื้อรอบใหม่ จะพิจารณาต่อเมื่อเกิดสัญญาณ Reversal Pattern (เกิดแท่งเทียน Doji หรือแท่งเทียนสีเขียว ที่เป็น Higher High, Higher Low เท่านั้น)
ประเด็นสำคัญวันนี้ จับตาการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มโอเปคพลัส เวลา 5 ทุ่ม (เวลาไทย) โดยคาดว่าจะมีมติคงเดิม (ลดการผลิตที่ระดับเดิมไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่ประเด็นจับตา คือ การลดการผลิตโดยสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรลของซาอุดีอาระเบียจนถึงสิ้นปีนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โดยจะเป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบโลก หากซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณไม่ปรับเพิ่มการผลิต) ทำให้แนวโน้มอุปทานน้ำมันในช่วงที่เหลือปีนี้มีจำกัด และเป็น Upside Risks ต่อราคาน้ำมันดิบโลก หากอุปสงค์น้ำมันโลกเพิ่มขึ้นจากจีน หรือการสะสมน้ำมันสำรองช่วงฤดูหนาว (คงคำแนะนำ หุ้นกลุ่มอิงน้ามันดิบโลก ได้แก่ PTTEP TOP SPRC BCP)
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ จับตา
-/+รายงานภาคบริการเดือน ก.ย. (Japan, EU, US) คาดไม่แตกต่างมากเมื่อเทียบกับเดือน ส.ค. โดย Consensus คาด EU ปรับดีขึ้น MoM เป็นผลจากฐานต่ำ เพราะอยู๋ในระดับหดตัว (<50) อยู่แล้ว โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 48.4 (Vs เดือน ส.ค. 47.9) ส่วน Japan และ US (ISM) คาดว่าจะปรับลดลง MoM โดย Consensus คาด อยู่ที่ 53.3 (Vs เดือน ส.ค. 54.3) สำหรับ Japan และอยู่ที่ 53.6 (Vs เดือน ส.ค. 54.5) สำหรับ US (ISM) ตามลำดับ เราคาดว่ารายงานภาคบริการที่ปรับลดลงเล็กน้อยจะไม่มีนัยต่อการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเศรษฐกิจ EU Japan US มากนัก โดยเฉพาะ US ที่เฟด สาขาแอตแลนต้า คาดจะเติบโตสูงถึง +4.9% QoQ (Vs 2Q23 +2.1% QoQ)
+US รายงานจ้างงานภาคเอกชน ADP Employment Chg เดือน ก.ย. Consensus คาดจ้างงานลดลงเป็น 153k (Vs เดือน ส.ค. 177k) เพิ่มโอกาสต่อตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย. (ประกาศวันศุกร์ คาดมีแนวโน้มลดลงในทิศทางเดียวกัน โดย Consensus คาดลดลงเป็น 170k จาก 187k ในเดือน ส.ค.) และ Factory Orders เดือน ส.ค. โดย Consensus คาดดีขึ้น +0.2% MoM (Vs เดือน ก.ค. -2.1% MoM)
-US สุนทรพจน์ Fed Chicago Goolsbee, Fed Governor Bowman โดยคาดว่าจะเป็นลบต่อตลาดพันธบัตร หากยังยืนยันสัญญาณสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ลงมาที่กรอบเป้าหมาย เนื่องจากทั้งสองคนต่างเป็น Voter ในการประชุมเฟดปีนี้ (ตั้งแต่สุดสัปดาห์ Fed NY Williams (Voter) และ Fed Cleveland Mester ที่เป็น Non-Voter ต่างส่งสัญญาณสนับสนุนเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง หรือทรงตัวในระดับสูงจนกว่าเงินเฟ้อจะปรับลดลงมาสู่กรอบเป้าหมาย)
+EU รายงาน PPI เดือน ส.ค. คาด -11.6% YoY (Vs เดือน ก.ค. -7.6% YoY) ผนวกกับสุนทรพจน์ของคณะกรรมการ ECB ในงานสัมมนางานนโยบายการเงินที่จัดโดยอีซีบีวันนี้ (สุนทรพจน์ประธานอีซีบี Lagarde) โดยคาดว่าจะเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อตลาดหุ้นยุโรป หากมีสัญญาณชี้นำจากประธานอีซีบี เพราะเปิดโอกาสให้ ECB Meeting วันที่ 26 ต.ค. มีโอกาสสูงที่จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.5% (สูงสุดรอบ 22 ปี) เป็นครั้งแรก หลังปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง 10 ครั้ง
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นรับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ในทิศทางขาขึ้น TOP SPRC BCP
Strategic daily picks
TOP ปิด 48.00 บาท/แนวรับ 46.75 บาท แนวต้าน 50.75 บาท
KTX คาดแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2023-25E ของ TOP จะเป็นช่วงปรับฐานตามภาวะอุตสาหกรรม (market GRM และผลกระทบจากสต็อกน้ำมัน เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลหลัก) และปัจจัยเฉพาะตัวของบริษัท (จากผลกระทบเชิงลบจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณ SBM-2 ที่เกิดขึ้นในเดือน ก.ย. 2023 และการรับรู้ผลบวกเต็มปีของโครงการ CFP ตั้งแต่ปี 2025E) KTX คาดกำไรสุทธิที่ 15.1 พันล้านบาท ในปี 2023E, 14.1 พันล้านบาท ในปี 2024E และ 19.7 พันล้านบาท ในปี 2025E (vs. ฐานกำไรสุทธิที่สูงผิดปกติในปี 2022 ที่ 32.7 พันล้านบาท) และประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 61.7 บาท
SPRC ปิด 8.65 บาท/แนวรับ 8.25 บาท แนวต้าน 9.50 บาท
SPRC ยังเดินหน้าศึกษาการลงทุนโครงการใหม่ ๆ และมุ่งเน้นโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งเน้นในเรื่องของ Energy Transition และให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับท่อส่งน้ำมัน SPM คาดภายหลังซ่อมบำรุงแล้วเสร็จ จะกลับมาดำเนินงานปกติในช่วงต้นปี 2024 หลังจากที่ขอใบอนุญาตกลับมาดำเนินการจากภาครัฐอีกครั้ง Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 4.23 พันล้านบาท และมูลค่าเหมาะสมที่ 10.96 บาท
BCP ปิด 40.00 บาท/แนวรับ 38.75 บาท แนวต้าน 42.00 บาท
BCP จะรับรู้รายได้จาก ESSO ประมาณ 4 เดือน ในปี 2023 ซึ่งอาจะมีติดลบบ้างประมาณ 625 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่าย One time เกิดขึ้น แต่คาดจะรับรู้เต็มปีประมาณ 2.47 พันล้านบาท และ 3 พันล้านบาท ในปี 2024-25 ตามลำดับ สำหรับแนวโน้มใน 2H23 จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 1H23 และคาดทั้งปี 2023 ทั้งในส่วนของรายได้และกำไรจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปี 2022 โดย Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 8.28 พันล้านบาท และมูลค่าเหมาะสมที่ 44.21 บาท