Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 25 September 2023

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 25 September 2023

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว จากความกังวลอุปทานตึงตัว

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 86-93 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 89-96 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 25 September 2023

 

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (25 – 29 ก.ย. 66)
 

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากตลาดน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัวจากการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ขณะที่อุปสงค์ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ในสัปดาห์ล่าสุดปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบปี อย่างไรก็ตาม ตลาดมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง  รวมทั้ง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่คาดว่าจะแข็งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ซึ่งคาดจะส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมัน

 

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

- สถาบันการเงินหลายแห่งและบริษัทพลังงาน คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากความกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตร นำโดย ซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี โดย Goldman Sachs มีการปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าขึ้นจากเดิมที่ 93 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ขึ้นเป็น 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ซึ่งสอดคล้องกับ Citibank และ Chevron ที่มีมุมมองคล้ายกัน

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ปริมาณการนำเข้าคาดจะปรับลดลง โดยสำนักงานพลังงานสากลสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่งโอกลาโฮมา ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ก.ค. 65

-  ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบและสินทรัพย์เสี่ยง หลังในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. 66 ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 – 5.50% พร้อมทั้งมีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครึ่งในปีนี้และจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเพื่อชะลอผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือน ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.2% มาอยู่ที่ 3.7% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับสูงที่ราว 4.3% 

-  เศรษฐกิจจีนในเดือน ส.ค. 66 เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมาและคาดการณ์ว่าจะช่วยสนับสนุนความต้องการใช้น้ำมันของจีน หลังรัฐบาลมีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอัตราส่วนเงินสำรองของธนาคารกลาง โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น 4.5% จากปีก่อนหน้า สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ปรับขึ้น3.7% ขณะที่ยอดค้าปลีกปรับเพิ่มขึ้น 4.6% สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ปรับขึ้น 2.5%
 

-   จับตาสถานการณ์คว่ำบาตรของสหรัฐฯ กับอิหร่านและเวเนซุเอลา ล่าสุดสหรัฐฯ และอิหร่าน ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้น โดยอิหร่านได้ปล่อยตัวนักโทษสหรัฐฯ แลกกับการเข้าถึงเงินทุน 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีและอาจนำไปสู่การเจรจาเพื่อยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมด  สำหรับเวเนซุเอลา สหรัฐฯ เปิดเผยว่าพร้อมที่จะมีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรหากสามารถจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้าอย่างโปร่งใส

-  เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ เดือน ส.ค. 66 ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลสหรัฐฯ เดือน ส.ค. 66 GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 2 ปี 2566

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (18 – 22 ก.ย. 66) 

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.74 ดอลลาร์สหรัฐฯ  มาอยู่ที่ 90.03 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับลดลง 0.66 ดอลลาร์สหรัฐฯ  มาอยู่ที่ 93.27 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 94.14 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้และมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเพื่อชะลอผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ราคาได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ก.ย. 66 ที่ปรับตัวลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 418.5 ล้านบาร์เรล