วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,576.67 จุด +7.86 จุด +0.50% มูลค่าการซื้อขาย 62,157 ลบ. ต่างชาติ +1,976.17 ลบ. TFEX +8,727 สัญญา ตราสารหนี้ +718.22 ลบ.
 

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 37.57 จุด หรือ +0.11% หลังจากข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ว่า FED จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 47 เซนต์ +0.6% ปิดที่ระดับ 81.63 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน "อิดาเลีย" (Idalia) ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่รัฐฟลอริดา
+ ADP เปิดเผยว่าการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 177,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 200,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าในเดือนก.ค.ซึ่งเพิ่มขึ้น 371,000 ตำแหน่ง สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มคลายความร้อนแรง
+ สศค. เปิดเผยว่าภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ก.ค. 66 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทน และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและนักท่องเที่ยวคนไทย
+ ที่ประชุมกบน. มีมติขยายเวลาตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มไว้ที่ 423 บาท/ถัง 15 ก.ก. ต่อไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่ 1-30 ก.ย.2566 บรรเทาผลกระทบค่าครองชีพประชาชน

 

ปัจจัยลบ 

- เยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 6.1%YoY ในเดือนส.ค. โดยชะลอตัวจากเดือนก.ค.ที่ดีดตัว 6.2%
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับ GDP 2Q66 ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.1% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.4% หลังจากมีการขยายตัว 2.0% ใน 1Q66
 

- แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 5.9% ใน 3Q66 เป็นการขยายตัวมากกว่า 2 เท่าจาก 2Q66 และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 4Q64

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้แกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจาก Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้ามา ขณะที่นักลงทุนยังจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่อย่างใกล้ชิด คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,570-1,580 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : STEC STPI SIRI SC SKY XPG
• หุ้น mai ได้ประโยชน์จากนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยว : SPA AU D RP
• iPhone 15 เปิดตัว ก.ย. : COM7 SPVI CPW SYNEX
• MSCI rebalance มีผล 1 ก.ย. : MSCI Global Standard Index เข้า TTB ออก CBG SAWAD MSCI Small cap index เข้า CBG COM7 ITC PSG SAWAD ออก PTL SINGER S
• ราคาน้ำตาลปรับตัวขึ้น : KBS KSL KTIS BRR
• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล : TNP KK CPALL CPAXT STEC CK ITD

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

XPG "ซื้อเก็งกำไร" ไม่มีราคาเหมาะสม consensus
1H66 มีกำไร 34 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนใน 1H65

 

•2Q66 มีกำไรสุทธิ 41.50 ล้านบาทพลิกจากขาดทุนสุทธิ 94 ล้านบาทใน 2Q65 เนื่องจากมีรายได้รวมเติบโตจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบลจ. กองทุนเอ็กซ์สปริงที่มี AUM รายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (XAMC) กำไรจากเงินลงทุนพลิกบวกจากปีก่อนที่ขาดทุน และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง (ถือหุ้น 49.7%) ที่สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มจำนวนพนักงาน ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากธุรกรรมการซื้อขายหุ้น MORE สำหรับงวด 1H66 กำไรสุทธิ 34 ล้านบาทพลิกจากขาดทุน 132 ล้านบาทใน 1H65

•ผลประกอบการปี 66 มีแนวโน้มพลิกมีกำไรจากขาดทุน 171 ล้านบาทในปี 65 ทั้งนี้กำไร 2H66 เติบโตจากธุรกิจจัดการกองทุนซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการ (AUM) ณ ปลายงวด 2Q66 +19%YTD ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (XAMC) มีสินทรัพย์ ณ ปลายมิ.ย. 2,400 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัวจาก 500 ล้านบาท ณ ปลายปี 65 ขณะที่ผู้บริหารตั้งเป้าไว้ที่ 3,500 ล้านบาท ณ ปลายปี 66 ในส่วนของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในการเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) มี 7 ดีลที่อยู่ระหว่างดำเนินการ นอกจากนี้ ธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่นได้แก่ กองทุนต่าง ๆ การลงทุนโดยตรง เช่น SHARGE ผู้ให้บริการ EV charger และการลงทุนในโทเคนดิจิทัล

•ความเห็น ราคาหุ้นที่ลดลง 7%YTD หลังจากเพิ่มขึ้น 40% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาโดยซื้อขายที่ PBV 1.27x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม Finance ที่ระดับ 2.07x ขณะที่ผลการดำเนินงานมีโอกาสพลิกจากขาดทุนในปีก่อนเป็นมีกำไรในปีนี้และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในปีหน้าจึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร“

 

หุ้นมีข่าว

(+) SUSCO (Bloomberg consensus 4.65 บาท) ย้ำแบรนด์รถอีวี BYD แข็งแรง ตั้งเป้าโกยยอดขาย 300-400 คันต่อเดือน มั่นใจแบรนด์แข็งแรง อันดับ 1 ของจีน เบอร์ต้นๆ ของโลก เชื่อกระแสตอบรับดี การใช้งานรถอีวีเพิ่ม พร้อมลุยติดสถานีชาร์จบริการ ไม่กังวลจะมาทดแทนน้ำมัน มองยังมีระยะเวลามากกว่า 10 ปี แต่พร้อมปรับตัวรองรับ ส่วนธุรกิจบริการน้ำมัน ครึ่งปีหลังดีมานด์สดใส ทั้งปีคงเป้า 3 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ATP30 (ราคาเหมาะสม 1.80 บาท) คาดทิศทางธุรกิจบริการรับส่งพนักงานครึ่งปีหลัง 2566 ดีกว่าครึ่งปีแรก เล็งใช้รถเพิ่มขึ้นอีก 80 คัน เริ่มรับทรัพย์โค้งท้าย ด้านบอสใหญ่ "ปิยะ เตชากูล" จับตารัฐบาลใหม่ตรึงราคาดีเซล เร่งบริหารต้นทุนหนุนมาร์จิ้นฟู พร้อมโชว์กองรถ 697 คัน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AH (Bloomberg consensus 44.00 บาท) มั่นใจผลงานครึ่งปีหลัง 2566 โตต่อเนื่อง ทั้งจากความต้องการชิ้นส่วนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งรายได้ 2 บริษัทย่อย ย้ำชัดการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในระยะกลาง-ยาว (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AMR (Bloomberg consensus - บาท) โดดรับเข้าไฮซีซัน-งานรัฐจ่อ หนุนครึ่งหลังปี 2566 ฟอร์มสวย แถมใส่เกียร์ลุยโมเดลสถานีไฟฟ้ารถอีวี สยายปีกรับทรัพย์ ผู้บริหาร "พฤทธิพงษ์ ธาราพิมาณ" วางหมากปี 2567 ยอดขายอุปกรณ์ชาร์จอีวีพุ่งแตะ 100 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)