วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี WHAUP - ฟ้าหลังฝน

และความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรธุรกิจหลักปี FY23F-FY25F ขึ้น 15-63% และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายกลางปี 2024 ที่ 5.10 บาท (จาก 5.00 บาท) คิดเป็น TTR ที่น่าสนใจที่ 40% เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ

 

ปรับประมาณการ

หลังจากลประกอบการ 2Q23 สูงกว่าคาด  เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรธุรกิจหลักปี FY23F ขึ้น 47% เป็น 1.3 พันลบ. และปี FY24 ขึ้น 22% เป็น 1.4 พันลบ. และปี FY25F ขึ้น 15% เป็น 1.3 พันลบ. เนื่องจากกำไรธุรกิจโรงไฟฟ้าสูงกว่าคาด เราคาดส่วนแบ่งกำไรจาก Gheco-One ใน 2H จะอยู่ที่ 240 ลบ. (ทั้งหมดมาจากค่าความพร้อมจ่ายจากการที่ กฟผ. สั่งให้หยุดเดินเครื่องในช่วงเดือนมี.ค.-ธ.ค.ปีนี้ [ขยายเวลาจากเดือนต.ค.]) เพิ่มขึ้นจาก 37 ลบ.ใน 1H และคาดจะกลับไปอยู่ระดับปกติปีละ 280 ลบ.ในปี FY24-25F เราคาดกำไรโรงไฟฟ้า SPP จะอยู่ที่ 402 ลบ.ใน 2H จาก 397 ลบ.ใน 1H และจะทรงตัวที่ปีละ 720 ลบ.ในปี FY24F และ FY25F

 

 

ผลการดำเนินงานใน 3Q23 จะแข็งแกร่งขึ้น qoq

เนื่องจากอุปสงค์การใช้น้ำเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้ารายใหญ่สองรายกลับมาดำเนินการตามปกติ หลังปิดซ่อมบำรุงใน 2Q และรายได้จากค่าธรรมเนียมใช้น้ำเกินโควต้า สำหรับผู้ใช้น้ำรายใหญ่ นอกจากนี้ เราคาดว่า Gheco-One จะไม่มีบันทึกผลขาดทุนจากสต็อกใน 3Q (100 ลบ.ใน 2Q)

 

มีอัพไซด์หลายประเด็น

ได้แก่ (i) ค่าธรรมเนียมการใช้มากกว่าโควต้าสำหรับผู้ใช้น้ำปริมาณมาก – ผู้ผลิตเวชภัณฑ์แพทย์ (ii) การ refinance เงินกู้ของ Duong River จะทำให้ประหยัดดอกเบี้ยได้ปีละ 50-80 ลบ. (อัตราดอกเบี้ยลดลง 3-5%) และ (iii) ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง เพราะ Gheco-One (WHAUP ถือหุ้น 35%) ได้ refinance เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินกู้สกุลบาทแล้ว ดังนั้นความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่เหลืออยู่จึงมีแค่เงินกู้สกุลบาท (2 พันลบ.) ของ WHAUP (SG) 2DR Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจะสามารถป้องกันความเสี่ยงตามธรรมชาติ (natural hedge) กับเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ของโรงไฟฟ้า SPP ได้