กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ น่าจะฟิ้นตัวได้ต่อ หวังการเมืองใกล้มีความชัดเจน

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ น่าจะฟิ้นตัวได้ต่อ หวังการเมืองใกล้มีความชัดเจน

น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง จากความหวังว่าจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จ ในสัปดาห์ที่แล้ว (17-21 กรกฎาคม) ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นมาพอสมควร ใกล้เคียงกับที่มุมมองรายสัปดาห์ของเรา

เนื่องจาก i) นักลงทุนคาดว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วในการจัดตั้งรัฐบาล และ ii) นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับโมเมนตัมเศรษฐกิจโลก เพราะตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคยังฟื้นตัวได้ดี และเงินเฟ้อในหลาย ๆ ประเทศหลักออกมาต่ำเกินคาด อย่างไรก็ตาม ตลาดผันผวนหนักขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ เพราะผลประกอบการ 2Q66 ของธนาคารไทยที่ประกาศออกมามีทั้งดีและไม่ดี โดย KBANK* ประสบปัญหาหนักขึ้นเกี่ยวกับ NPLs และ credit cost นอกจากนี้ ยังเกิดกระแสความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับเงิน
เฟ้อโลกจากราคาอาหาร โดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งจะกดดันหุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจอยู่ในยุโรป

สำหรับในสัปดาห์นี้ (24-27 กรกฎาคม) เราคาดว่าดัชนี SET น่าจะขึ้นต่อได้อีก จากความคาดหวังว่ารัฐสภาจะเลือกนายกใหม่ได้ในการประชุมวันที่ 27 กรกฎาคม ทั้งนี้ นักลงทุนค่อนข้างมั่นใจมากว่าการจับขั้วตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกล ดังนั้น จึงไม่น่าจะมีการดำเนินนโยบายบางอย่างที่ไม่เป็นมิตรกับเศรษฐกิจ และตลาดอย่างที่กลัวกันก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ อย่างที่เราเคยระบุเอาไว้แล้ว ว่าการประท้วงทางการเมืองน่าจะเข้มขึ้นมากขึ้นถ้าหากพรรคก้าวไกลไม่ได้ร่วมรัฐบาล แต่หากการชุมนุมประท้วงไม่รุนแรง เราคิดว่าจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และจิตวิทยาของตลาดหุ้นไทย

 

 

ติดตามการประชุม FOMC, ECB และการลงมติของรัฐสภาไทยในการเลือกนายกคนใหม่

ปัจจัยภายนอก: ในฝั่งสหรัฐ สองเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในสัปดาห์หน้าได้แก่ i) การประชุม FOMC ซึ่งจะทราบผลในคืนวันที่ 26 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเราคาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate อีก 25bps เป็น 5.50% และ ii) ตัวเลข advance reading ของ GDP ใน 2Q66 ซึ่ง Consensus คาดว่าจะขยายตัว 1.7% QoQ SAAR จาก 2.0% ใน 1Q66 ส่วนทางฝั่งยุโรป ตลาดคาดว่า ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย Refi อีก 25bps เป็น 4.25% เพราะอัตราเงินเฟ้อในยุโรปยังสูงอยู่ และยังมีความเสี่ยงด้าน upside อีกจากราคาอาหารที่กำลังขยับสูงขึ้น

ปัจจัยภายใน: ในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีการซื้อขายเพียง 4 วัน เรามองว่าสถานการณ์การเมืองไทยจะเป็นปัจจัยหลัก โดยในขณะนี้ ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งกระแสข่าวที่ออกมาในช่วงสุดสัปดาห์คือมีพรรคการเมืองหลายพรรคที่ปฏิเสธจะร่วมรัฐบาลถ้าหากพรรคมีก้าวไกลร่วมด้วย ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยกำหนดจะเปิดแผน และเปิดตัวผู้ที่พรรคจะเสนอให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 26 กรกฎาคม ก่อนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 27 กรกฎาคม

ยังคงเน้นหุ้นที่อ่อนไหวกับนโยบายรัฐบาล และหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

เนื่องจากเรามองว่าประเทศไทยน่าจะได้ตัวนายกคนใหม่ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยในวันพฤหัสบดีนี้ นักลงทุนจึงน่าจะยังเน้นลงทุนใน i) หุ้นกลุ่มที่ก่อนหน้านี้ถูกกดดันจากกระแสความกังวลเกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล อย่างเช่น GULF*, CPALL*, TRUE*, CPN* และ CRC* และ ii) หุ้นที่โยงกับการเมืองอย่างเช่น STEC* และ CK* iii) หุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการที่จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างเช่น IVL* และ SCGP*