วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก จับตาผลโหวตนายกรัฐมนตรี

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก จับตาผลโหวตนายกรัฐมนตรี

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ แรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งตลาดคาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาดี และหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยนักลงทุนจับตาการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รอบ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. นี้

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,535.30 จุด +6.53 จุด +0.43% มูลค่าการซื้อขาย 43,928 ลบ. ต่างชาติ +1,464.03 ลบ. TFEX +11,216 สัญญา ตราสารหนี้ +2,348.28 ลบ.


ปัจจัยบวก  

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 366.58 จุด +1.06% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของธนาคารรายใหญ่ ได้แก่ มอร์แกน สแตนลีย์ และแบงก์ ออฟ อเมริกา รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า FED ใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกต่ำกว่าคาด
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ +2.2% ปิดที่ 75.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทางการจีนให้คำมั่นว่าจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระแสคาดการณ์ที่ว่า FED ใกล้จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะปรับตัวลดลง
+สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ โดยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย. หลังจากร่วงลง 0.5% ในเดือนพ.ค.
+ แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.4% ใน 2Q66 หลังจากขยายตัว 2.0% ใน 1Q66
+ โกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานปรับลดคาดการณ์โอกาสที่สหรัฐจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเหลือเพียง 20% จากเดิมคาดการณ์ที่ 25%
+ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เห็นชอบใช้กลไกกองทุนน้ำมันในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร ภายหลังจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตร สิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.ค.นี้ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.2566 ต่อเนื่องไปอีกระยะเวลาหนึ่งตามสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันที่จะดำเนินการได้

 

 

 

ปัจจัยลบ

- คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐมีแผนการจำกัดการลงทุนในจีน โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีล้าสมัยและการลงทุนใหม่ ๆ เท่านั้น แต่มีแนวโน้มว่าแผนนี้จะยังไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถึงปีหน้า
- ดอยซ์แบงก์ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนสำหรับปีนี้เหลือ 5.3% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 6% เนื่องจากอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ย่ำแย่ลง
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า ทหารสหรัฐนายหนึ่งได้เดินทางข้ามเส้นแบ่งเขตแดนเข้าสู่เกาหลีเหนือ

 

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน เพื่อรอดูผลโหวตนายกนายกรัฐมนตรี รอบ 2 ในวันนี้ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีแรงหนุนจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟด ใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,530-1,540 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน    

• สินค้าส่งออกเดือน พ.ค. ที่ยังขยายตัวได้ดี : SNC AH SAT HANA KCE PDJ
• ค่าระวางเรือขึ้นจากคลองปานามา หุ้นได้ประโยชน์ PSL TTA RCL
• 5 หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL CPALL SCB
• หุ้นได้ประโยชน์ราคาน้ำมัน : PTTEP PTT BCP ESSO

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

CEYE "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 7 บาท
ผลประกอบการงวด 2Q66 มีแนวโน้มเติบโต YoY

•ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาที่มีความต้องการด้าน ครีเอทีฟและโปรดักชั่นโฆษณาที่ฟื้นตัว ประกอบกับแผนขยายงานออนไลน์โปรดักชั่นในต่างประเทศมากขึ้นจากเดิมที่ให้บริการเพียงภาพนิ่งเป็นหลัก รวมทั้ง synergy จากพันธมิตรใหม่ (บจ. ซีอาล๊อต บูทีค โพสท์โปรดักชั่น (ZEALOTS) ธุรกิจ Post-Production ภาพเคลื่อนไหว และ บจ. เออเบิร์น มีเดีย ครีเอชั่น (UMC) ธุรกิจตัวแทนโฆษณา)

•ผลการดำเนินงานงวด 2Q66 มีแนวโน้มเติบโต YoY แม้ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นแต่มีการรับรับรู้รายได้ในการควบรวมกิจการเต็มไตรมาสสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ระดับสูงต่อเนื่องจาก 1Q66 ที่ระดับ 32% (%GP 4Q65 =34%, %GP 2Q65 = 22%)

ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของผลประกอบการ โดยเราคาดกำไรปี 66 เติบโตต่อเนื่องราว 28%YoY เป็น 67 ล้านบาท แม้กำไรปี 65 มีฐานการเติบโตสูงถึง 83%YoY ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกหากสามารถปิดดีลเข้าลงทุนในธุรกิจ Production โฆษณาครบวงจรที่เวียดนาม ราคาปิดล่าสุดยังมี upside ทำให้เรายังแนะนำ “ซื้อ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) TOP (Bloomberg consensus 60.00 บาท) แย้มไตรมาส 3/2566 โอกาสกำไรสต็อกน้ำมันมองครึ่งปีหลังดีกว่าไตรมาส 2/2566 ค่าการกลั่นสิงคโปร์ คาดอยู่ในกรอบ 4-6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ดีมานด์น้ำมันเจ็ทแรง ดีเซลไฮซีซันปลายปี ลุ้นจีนกระตุ้นเศรษฐกิจช่วย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BAFS (Bloomberg consensus 35.75 บาท) จัดงบ 1.2 พันล้านบาท พร้อมลงทุนเชื่อมท่อเข้ากับ THAPPLINE เล็งเปิดให้บริการต้นปี 2568 ขณะที่ปริมาณเติมน้ำมัน 7 เดือนแรก ของปี 2566 พุ่งแตะ 4.4 พันล้านลิตร ทะลุเป้าทั้งปีที่ 4.2 ล้านลิตรแล้ว เล็งปรับเป้าทั้งปีใหม่ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) HL (Bloomberg consensus - บาท) ใส่เกียร์ขยายสาขา พร้อมอัพพื้นที่หน้าร้านเพิ่มขึ้นเท่าตัว รองรับสินค้าขนาดใหญ่ เจาะฐานโซนในเมือง โกยยอดขายเพิ่ม ชี้กำลังซื้อสูง แถมมาร์จิ้นดี 25% เล็งผุดสาขาสิ้นปีครบ 50 แห่ง ด้านบอสใหญ่ "ธัชพล ชลวัฒนสกุล" คาดผลงานปีนี้เข้าเป้าโตมากกว่า 20% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) D (Bloomberg consensus 10.71 บาท) ชี้การทำฟันร่วมดมยาสลบ ได้รับความสนใจเพิ่มสูงขึ้น เติบโตเฉลี่ยต่อเดือนสูงกว่า 179% เหตุช่วยลดความกังวลในขณะทำฟัน เผยลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลทันตกรรม BIDH อย่างต่อเนื่อง มั่นใจด้านมาตรฐานความปลอดภัย ภายใต้การดูแลจากทีมทันตแพทย์ วิสัญญีแพทย์ประสบการณ์สูง (ที่มา ทันหุ้น)