วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เก็งกำไรยังบวก

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เก็งกำไรยังบวก

เฟดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25% แต่ Dot plot ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อคืนนี้ คณะกรรมการตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.00-5.25% เพื่อให้เฟดมีเวลาในการประเมินข้อมูลทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ทั้งนี้ประเด็นสำคัญจากการประชุมมีดังนี้ 1) เฟดปรับเพิ่มคาดการณืการเติบโตทางเศรษฐกิจขึ้น 2) ไม่มีกรรมการเฟดคนไหนลงความเห็นให้ปรับลดดอกเบี้ย 3) ความเห็นของดอกเบี้ยกรรมการรายบุคคล (Dot plot) ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในปีนี้ และจะเริ่มเห็นการปรับลดดอกเบี้ยราว 1.00% ในปี 2567

ผลการประชุมเป็นไปตามที่เราประเมิน และเรามีความเห็นต่อการดำเนินนโยบายดังนี้ 1) การส่งสัญญาณลบถึงความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต จะช่วยให้นักลงทุนไม่ประมาทเกินไป และมีมุมมองระมัดระวังต่อเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยในการคุมเงินเฟ้อ ให้ทยอยปรับลดลง 2) ภารกิจของเฟด คือการคุมเงินเฟ้อและดูและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่การต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม Dot plot เรายังให้น้ำหนักกับการคงดอกเบี้ยนโยบาย 3) ในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า 25-26 ก.ค. และ 19-20 ก.ย. หากไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะเป็นการยืนยันถึงการสุดสุดดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างแท้จริง ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วง ก.ค.-ส.ค. มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้างถึงซึมลง  
 

หุ้นไทยมีโอกาสเกิด window dressing เนื่องจากเคลื่อนไหวด้อยกว่าตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อยู่ในกลุ่มตลาดที่ Laggard ประกอบกับตลาดรับปัจจัยลบและปัจจัยกดดันเกี่ยวกับการเมืองไปแล้ว โดยหุ้นใหญ่ใน SET50 ที่ปรับลดลงมากนับจากต้นปี มีโอกาสเป็นเป้าหมายของการเข้าซื้อหรือเป็น Window dressing target โดยหุ้นดังกล่าว (ในวงเล็บคือ return นับจากต้นปีถึง 12 มิ.ย.66) ได้แก่ EA (-34%), SCGP (-31%), BANPU (-31%), CBG (-30%), TRUE (-19%), PTTGC (-18%), AWC (-18%), GPSC (-18%), TOP (-16%), IVL (-16%), TU (-16%), EGCO (-15%), GULF (-15%), OR (-13%), PTTEP (-12%)//สำหรับ JMART (-49%), JMT (-36%) แม้จะปรับลดลงเยอะที่สุดในกลุ่ม SET50 แต่มีประเด็นความเสี่ยงจากการหลุด SET50 และผลประกอบการที่ถูกฉุดจาดบริษัทลูก ผู้ลงทุนควรพิจารณาประเด็นดังกล่าวด้วย

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังมองหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวบวกจากการเกิด Window dressing ไม่หลุด 1,540 จุด ลุ้นขึ้นทดสอบ 1,580-1,600 ยังเน้น speculative buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ยังชอบค้าปลีก, ท่องเที่ยว, นิคมอุตสาหกรรม ส่วนหุ้นไฟฟ้าลดลงเกินไป และน่าจะเห็นผลการดำเนินงานฟื้นจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 

หุ้นแนะนำ: MAJOR*, SAMTEL*, AWC*, SORKON*

แนวรับ: 1,550 / แนวต้าน : 1,572-1,580 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

ปตท.เคาะส่วนลดราคา NGV – โดยคิดเป็นส่วนลดราคา NGV ณ เดือน มิ.ย. 2566 สำหรับกลุ่มแท็กซี่ที่ประมาณ 5.52 บาทต่อกิโลกรัม และส่วนลดรถโดยสารสาธารณะประมาณ 1.55 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. จนถึงสิ้นปี 2566 รวมวงเงินการช่วยเหลือตลอดปี 2566 กว่า 6,000 ล้านบาท โดยราคานี้เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิง LPG และดีเซลที่ค่าความร้อนเดียวกัน ก๊าซ NGV จะถูกกว่าถึง 24% และ 44% ตามลำดับ

KEX พุ่ง 16% ข่าวควบ J&T Express - หลังมีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า SF Express ผู้ถือหุ้นใหญ่ KLN Logistic และ KLN เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 52.06% ใน KEX กำลังหารือเรื่องการควบรวมกิจการระหว่าง Kerry Express กับ J&T Express (Thailand) อย่างไรก็ดี ข่าวดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยหรือชี้แจงอย่างเป็นทางการจากบริษัทที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด

Opportunity day: 15 มิ.ย. – GRAMMY, TNP, WINMED, KTMS, PAP, VIBHA, ACE / 16 มิ.ย. – UBIS, THAI, TPS, FVC, VCOM, BTG, CEYE / 19 มิ.ย. – YONG, MENA, PRIME, PRM, CHIC, MVP / 20 มิ.ย. –  AMATAV, SC, RAM, TPAC / 21 มิ.ย. – KTBSTMR, UTP, SORKON, INET, SALEE, SCN, YGG

 

ประเด็นติดตาม: 15 มิ.ย. – US Retail Sales, Initial Jobless Claims, EU Interest Rtae Decision / 16 มิ.ย. – US Michigan Consumer Sentiment, EU CPI / 20 มิ.ย. – US Building Permits

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)