การกลับมาซื้อของต่างชาติหนุนโอกาสเกิด Window Dressing  

การกลับมาซื้อของต่างชาติหนุนโอกาสเกิด Window Dressing  

ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ภาวะไม่ร้อนไม่เย็นเกินไป ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 261,000 ราย สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 235,000 ราย

และสูงสุดนับแต่ ต.ค.64 ตัวเลขดังกล่าวสนับสนุนมุมมองการคงดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (ความน่าจะเป็นของการคงดอกเบี้ยในการประชุม 14 มิ.ย. อยู่ที่ 73.6% ขณะที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอยู่ที่ 26.4% อ้างอิง FedWatch Tool) ทั้งนี้ตลาดเริ่มผลักดันหุ้นขนาดกลาง-เล็ก หรือกลุ่มรอง ขึ้นมาเก็งกำไร ซึ่งเราประเมินบรรยากาศลงทุนจะเป็นบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (US CPI) วันที่ 13 มิ.ย. เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนพ.ค. ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 4.1% (เม.ย.อยู่ที่ 4.9%)

หุ้นไทยมีโอกาสเห็นการหมุนกลุ่ม (rotation)  รับ Window dressing  ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) กลับมาฟื้นตัวได้ดี และปรับขึ้นแรงกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ (ในขณะที่ขายตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นๆ) ซึ่งเรามองสาเหตุสำคัญที่หุ้นไทยกลับมาปรับขึ้นแรงและมีการเข้าซื้อสุทธิ มีสาเหตุมาจากการที่หุ้นไทยเป็น 1 ใน 2 ตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในเอเซีย (Thailand –6.5% และ Malaysia -11.8%) ขณะที่สาเหตุสำคัญที่ทำให้หุ้นปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมาไม่ใช่จากปัจจัยพื้นฐาน แต่มาจากปัจจัยทางจิตวิทยาโดยเฉพาะจากปัจจัยการเมืองที่มีความไม่แน่นอนและอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญ ปัจจัยดังกล่าวทำให้ไทยน่าสนในใจฐานะที่เป็นตบาดที่ยัง Laggard และในระยะสั้นมีโอกาสลุ้นการเกิด Window dressing ในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของสถาบัน ซึ่งเราคาดหุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ได้แก่ BANPU, PTTGC, EGCO, SCGP, CBG, RATCH, IVL, GPSC, OR, GULF เป็นต้น

ภาพรวมกลยุทธ์: ต่างชาติกลับเป็นซื้อ หนุนการเกิด Window dressing บวกต่อบรรยากาศเก็งกำไร ไม่หลุด 1,540 จุด ลุ้นขึ้นทดสอบ 1,580-1,600 ยังเน้น speculative buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ยังชอบค้าปลีก, ท่องเที่ยว, นิคมอุตสาหกรรม ส่วนหุ้นไฟฟ้าลดลงเกินไป และน่าจะเห็นผลการดำเนินงานฟื้นจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 

หุ้นแนะนำ: MINT*, AMATA*, VRANDA*, PTTGC*

แนวรับ: 1,540 / แนวต้าน : 1,560-1,580 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

แบงก์ใหญ่รัฐบาลจีนแห่ลดดอกเบี้ยเงินฝาก - ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดแรงกดดันที่มีต่ออัตรากำไรและลดต้นทุนในการปล่อยเงินกู้ ช่วยหนุนภาคการเงินและเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% ในไม่ช้านี้ เพื่อสนับสนุนการออกพันธบัตรของรัฐบาลท้องถิ่น

อีซูซุ ปฎิเสธข่าวย้ายฐานการผลิตจากไทยไปอินโดฯ - โดยข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงและไม่ใช่การประกาศอย่างเป็นทางการจาก บริษัทฯ แต่อย่างใด ถึงแม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นตลาดที่สำคัญแห่งหนึ่งของอีซูซุก็ตาม เราไม่มีแผนที่จะย้ายฐานการผลิตจากไทยไปยังอินโดนีเซีย

 

 

JMT ซื้อหนี้ 6 หมื่นล. - ปิดดีลหนี้ก้อนใหญ่รวม 6 หมื่นลบ. จากสถาบันการเงินธนาคารพาณิชย์ ดันพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของบริษัท และ JK AMC พุ่งทะลุเฉียด 440,000 ลบ. ชูปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุด เล็งซื้อหนี้เพิ่มอีก คาด 2Q23 การจัดเก็บดีต่อเนื่อง มั่นใจกำไรเข้าเป้า 30%

Opportunity day: 9 มิ.ย. – B-WORK, PACO, NNCL, APCO, CHO, AMR / 12 มิ.ย.-HL, PJW, VGI, WP, BJC, TM, GVREIT / 13 มิ.ย. – D, NER, STP, PYLON, CRC / 14 มิ.ย. – SCB, LHK, AIMCG, BTS, TRC, DEMCO, PIN / 15 มิ.ย. – GRAMMY, TNP, WINMED, KTMS, PAP, VIBHA, ACE / 16 มิ.ย. – UBIS, THAI, TPS, FVC, VCOM, BTG, CEYE 

 

ประเด็นติดตาม: 10 มิ.ย. – CH New Loans / 13 มิ.ย. – US CPI / 14 มิ.ย. – US PPI, CH Industrial Production / 15 มิ.ย. – US FOMC, Retail Sales, Initial Jobless Claims, EU Interest Rate Decision

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)