AUTOMOTIVE SECTOR - เป็นไตรมาสที่ชะลอตัวเพราะเป็นช่วง low season
ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยทรงตัว yoy อยู่ที่ 117,636 คันในเดือนเมษายน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศลดลง 6% yoy เหลือ 59,530 คัน ในขณะเดียวกัน ยอดส่งออกพุ่งสูงขึ้นถึง 44% yoy เป็น 79,940 คัน
เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มยอดผลิตรถยนต์ในปี 2023 โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% yoy เราให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่ Overweight และเลือก AH เป็นหุ้นเด่นของเรา
เป็นเดือนที่อ่อนแอที่สุดเพราะเป็นช่วง low season
เดือนเมษายนมักจะเป็นเดือนที่ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยต่ำที่สุดในรอบปีเนื่องจากมีวันหยุดยาว อย่างไรก็ตาม ยอดผลิตรถยนต์ และยอดส่งออกรถยนต์ YTD (มกราคม-เมษายน) ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้น 4% และ 18% yoy ตามลำดับ เรายังคงมั่นใจว่ายอดผลิตรถยนต์จะแข็งแกร่งต่อเนื่องตลอดปีนี้ เพราะปัญหาขาดแคลน semi-conductor ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2021 คลี่คลายลงไปแล้ว
ต้นทุนค่าแรงและค่าไฟฟ้าจะเป็นประเด็นสำคัญในระยะต่อไป
ในขณะที่ปริมาณยอดผลิตรถยนต์ซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับรายได้ของกลุ่มยานยนต์ไม่มีประเด็นอะไรน่าเป็นห่วง แต่ทางฝั่งต้นทุนยังมีประเด็นน่าเป็นห่วงสำหรับแนวโน้มใน 2H23 และปี 2024 เพราะมีความเสี่ยงที่ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นเนื่องจาก i) ต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2H22 และ ii) อาจมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน จากปัจจุบันที่ประมาณ 350 บาทต่อวัน ตามนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค และค่าจ้างคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8% และ 15% ของต้นทุนรวมในกลุ่มยานยนต์ตามลำดับ ซึ่งเราได้ใส่ปัจจัยนี้เข้าไว้ในประมาณการของเราเรียบร้อยแล้ว
มองบวกกับยอดผลิตรถยนต์ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่า 2Q จะเป็นช่วง low season ของการส่งออก แต่เราเชื่อว่าราคาหุ้นจะยังคงแข็งแกร่ง เพราะสถิติในอดีตไม่ได้บ่งชี้ว่าราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์จะแย่ในช่วง low season ดังนั้น การที่ 2Q23 น่าจะยังเป็นไตรมาสที่พอใช้ได้ ผลประกอบการของทุกบริษัทในกลุ่มยานยนต์น่าจะดีขึ้น yoy เราจึงยังคงมองบวกกับกลุ่มยานยนต์ เราแนะนำซื้อ Aapico Hitech (AH TB ราคาเป้าหมาย 41 บาท) เนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งที่สุด และสัดส่วน P/E ต่ำที่สุด