กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ ภาพตลาดช่วงสั้นยังต้องระมัดระวังอยู่

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ ภาพตลาดช่วงสั้นยังต้องระมัดระวังอยู่

ตลาดน่าจะย่อตัวลงอีก ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง และกระแสเงินทุนไหลออก

ในสัปดาห์ที่แล้ว (15-19 พฤษภาคม) ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยอ่อนแอกว่าที่คาดไว้และสวนทางกับมุมมองของนักกลยุทธ์ส่วนใหญ่ ที่มองว่าตลาดน่าจะตอบรับในเชิงบวกต่อผลการเลือกตั้งของไทย ซึ่งปัจจัยกดดันที่มากกว่าคาดนั้น เกิดจาก i) มีความไม่แน่นอนสูงว่าสมาชิกวุฒิสภาจะสนับสนุนให้ผู้นำพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหรือไม่ และ ii) มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายต่าง ๆ ของพรรคก้าวไกล อย่างเช่น การเก็บภาษีทรัพย์สิน และการจัดการกับกลุ่มธุรกิจผูกขาด ซึ่งปัจจัยทางการเมืองเหล่านี้ บวกกับการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ฯ เพราะมีผู้บริหาร Fed แสดงความเห็นว่าไม่น่าจะมีการลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ ทำให้เกิดกระแสเงินทุนไหลออกจากทั้งหุ้นและพันธบัตรไทย

สำหรับในสัปดาห์นี้ (22-26 พฤษภาคม) เราคาดว่าดัชนี SET จะยังคงขยับลงต่อแบบ sideways down โดยในระยะสั้น ความไม่แน่นอนทางการเมืองจะยังคงเป็นปัจจัยถ่วงอยู่จนกว่าจะมีการเปิดสภาซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงต้นเดือนมิถุนายน ในขณtเดียวกัน พรรคก้าวไกลและพรรคพันธมิตรกำหนดจะเปิดเผย memorandum of understanding (MoU) ซึ่งน่าจะแสดงรายละเอียดอย่างกว้าง ๆ และไม่น่าจะลงลึกถึงแนวทางนโยบายด้านเศรษฐกิจ และสังคม ดังนั้น เราจึงคาดว่ากระแสเงินทุนไหลออกจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยก็ในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ความไม่แน่นอนทางด้านนโยบายจาก Fed กลับมากดดันตลาดอีกครั้ง ทั้งนี้ เมื่ออิงจากการวิเคราะห์ earnings yield gap (EYG) โดยใช้สมมติฐาน EPS ปี 2566 ที่ 104, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ 2.50% และ EYG ที่ 4,50% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในช่วงที่ตลาดตกในรอบหลายปีที่ผ่านมา เราคำนวณ downside ของดัชนี SET ได้ที่ 1,485

 

 

 

ติดตามรายงานการประชุม FOMC, ดัชนีเงินเฟ้อ PCE และความคืบหน้าของสถานการณ์การเมืองไทย

ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) รายงานการประชุม FOMC รอบวันที่ 3 พฤษภาคม ซึ่งจะออกในวันพุธ เพราะความเห็นอย่างละเอียดของกรรมการ Fed อาจส่งผลกระทบกับตลาดการเงินได้ และ ii) ตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE เดือนเมษายนซึ่งจะออกในวันศุกร์ โดย consensus คาดว่าดัชนี core PCE จะเพิ่มขึ้น 4.6% YoY เท่ากับเมื่อเดือนมีนาคม

ปัจจัยในประเทศ: ทางด้านของการเมือง การเซ็น MoU ของพรรคพันธมิตรที่นำโดยก้าวไกลจะเป็นประเด็นที่ตลาดจับตาและพูดถึงกันในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เราไม่คิดว่าใน MoU จะมีการระบุรายละเอียดของนโยบายลงไป ส่วนในแง่ของบริษัทจดทะเบียนนั้น การประชุมนักวิเคราะห์หลีงส่งงบจะยังคงเป็นตัวกำหนดทิศทางการปรับประมาณการ EPS ในระยะต่อไปหลังจากที่มีการรปรับลดประมาณการ EPS ลงไประดับหนึ่งแล้วในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ยังคงเน้นลงทุนแบบ defensive ไปก่อนในระยะสั้น

ถึงแม้ว่าเป้าดัชนี SET ปี 2566 ของเราจะสูงถึง 1,670 ซึ่งยังมี upside อีกมาก แต่เราแนะนำให้นักลงทุนเน้นลงทุนแบบ defensive ไปก่อนในระยะสั้น เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองอยู่ และมีกระแสเงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์ทางการเงินของไทย สำหรับนักลงทุนระยะยาว เราแนะนำให้ซื้อสะสมหุ้นกลุ่มที่เราชอบ อย่างเช่น หุ้นการบริโภค สถานีบริหารน้ำมัน และหุ้นบางตัวในกลุ่มอาหารแปรรูป และท่องเที่ยว โดยหุ้นที่เราชอบได้แก่ CPALL*, OR*, PTG*, GFPT และ AAV* ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ เราอยากเห็นกระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มนิ่งก่อนที่จะกลับเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ตลาดนิยมอีกครั้ง