AUTOMOTIVE SECTOR - ปีแห่งการส่งออก (27 เม.ย. 66)

AUTOMOTIVE SECTOR - ปีแห่งการส่งออก (27 เม.ย. 66)

ยอดผลิตรถยนต์รายเดือนของประเทศไทยใน 1Q23 เพิ่มขึ้น yoy เป็น 503,304 คัน (+5% yoy, -3% qoq) ในขณะที่ยอดขายในประเทศอยู่ที่ 217,073 คัน ลดลง 6% yoy แต่ทรงตัว qoq ในขณะเดียวกัน ยอดส่งออกรถยนต์เติบโตอย่างน่าประทับใจที่ 273,692 คัน (+13% yoy, -7% qoq).

ยอดผลิตรถยนต์แข็งแกร่งใน 1Q23 แต่รถกระบะยังลดลง

อุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากเอเชีย ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง ทำให้ตลาดเหล่านี้คิดเป็นเกือบ 75% ของยอดส่งออกรถยนต์จากประเทศไทยใน 1Q23 อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ายอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น 5% yoy ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ แต่ยอดผลิตรถกระบะลดลง 3% yoy เนื่องจากมีข้อจำกัดมากขึ้นในการอนุมัติสินเชื่อรถ เพราะ 80% ของปริมาณยอดขายรถเป็นการขายผ่านสินเชื่อเช่าซื้อ

 

คาดว่ายอดผลิตรถยนต์ในปี 2023 จะอยู่ที่ 1.94 ล้านคัน 

ในปี 2023 มีทั้งปัจจัยบวกและลบที่จะส่งผลกระทบกับแนวโน้มการผลิตรถยนต์ของไทย โดยในด้านบวก เราคาดว่า 1) เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้น 2) ราคาน้ำมันจะสูงขึ้น ที่จะหนุนอุปสงค์ในตะวันออกกลาง และ 3) อุปสงค์จากเอเชีย และออสเตรเลียจะแข็งแกร่ง ส่วนในด้านลบ เราเป็นห่วงเกี่ยวกับ 1) ข้อจำกัดที่มากขึ้นในการอนุมัติสินเชื่อรถ ทั้งนี้ หลังจากที่ใส่ปัจจัยทั้งหมดเข้าไปในสมมติฐานของเราแล้ว เราคาดว่ายอดผลิตรถยนต์ในปี 20223 จะเพิ่มขึ้น 3% เป็น 1.94 ล้านคัน แบ่งเป็นรถยนต์ที่ขายในประเทศ 0.86 ล้านคัน (+1%) และรถยนต์เพื่อส่งออก 1.08 ล้านคัน (+8%) ทั้งนี้ ประมาณการยอดผลิตรถยนต์ของเราที่ 1.94 ล้านคันต่ำกว่าประมาณการของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ 1.95 ล้านคันเล็กน้อย เพราะเรามองยอดขายในประเทศแบบอนุรักษ์นิยมมากกว่า

 

 

EV กำลังอยู่ในขาขึ้น 

จากข้อมูลของ ส.อ.ท. EV ที่จดทะเบียนในประเทศไทยคิดเป็น 9.1% ของรถทั้งหมดที่จดทะเบียนในประเทศ ซึ่งจัดเป็นอันดับที่หนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจำนวน EV ที่ขายได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 สูงถึง 5,536 คัน จากที่เฉลี่ยเพียง 807 คันในช่วงปี 2022 ทั้งนี้ ยอดขาย EV รายเดือนคิดเป็น 7.7% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกจากการที่ Tesla เพิ่มเข้ามาในตลาดไทย

 

Action/ Recommendation

เราเชื่อว่ายอดผลิตรถยนต์จะเพิ่มขึ้น 3% ในปี 2023 โดยจะได้รับแรงขับเคลื่อนจากการส่งออก  แต่ยอดผลิตรถกระบะอาจจะเผชิญความท้าทายในช่วง 1H23 เนื่องจากข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อรถเพราะ NPL ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนเน้นบริษัทในกลุ่มยานยนต์ที่มีสัดส่วนรายได้จากรถกระบะน้อย และมีรายได้จากการส่งออกสูง อย่างเช่น Aapico Hitech (AH TB, NR) ซึ่งมียอดขายเกี่ยวกับ EV สูงที่สุดในกลุ่ม และ Namyong Terminal (NYT TB, NR) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่าเรือ Ro/Ro ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึงกว่า 80% ของการส่งออกรถยนต์จากประเทศไทย