คาด Downside จำกัดแม้อาจอ่อนตัวลง และใกล้จุดซื้อคืนหุ้นท่องเที่ยว

คาด Downside จำกัดแม้อาจอ่อนตัวลง และใกล้จุดซื้อคืนหุ้นท่องเที่ยว

ตัวเลขส่งออกมี.ค.สูงสุดในรอบปี และหดตัวน้อยกว่าคาด มูลค่าส่งออกสินค้าไทย มี.ค.66 อยู่ที่ 27654 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุดเป็นอันดับ 2 แม้ยังหดตัว -4.2% YoY

ปัจจัยบวก คือ 1) ตัวเลขดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะออกมา -14.7% 2) ดุลการค้าออกมา +2,719 ล้านดอลลาร์ฯ (ดีกว่าคาดการณ์ที่ –1,000 ล้านดอลลาร์ฯ) 3) เมื่อหักสินค้าเกี่ยวกับน้ำมันและทองคำแล้ว ส่งออกขยายตัว +0.01% YoY ถือว่าดีพอสมควร 4) สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร (16.83% ของยอดส่งออก) ขยายตัวต่อเนื่อง +4.2% YoY ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม (79.6% ของยอดส่งออก) หดตัว 5.9% YoY หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 5) สินค้าเกษตรที่ขยายตัวดี ได้แก่ น้ำตาลทราย (+73.9%), มันสำปะหลัง (+5.7%), ข้าว (+7.2%), ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง (+94.5%), เครื่องดื่ม (+13.2%), ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง (+47.9%) ขณะที่สินค้าเกษตรที่หดตัว ได้แก่ ยางพารา (-41.1%), อาหารสัตว์เลี้ยง (-25%) // ภาพรวมเป็นบวกกับการเก็งกำไรหุ้นน้ำตาล ผู้ผลิตไก่ ขณะที่อาหารสัตว์เลี้ยงเริ่มเห็นการฟื้นตัว 8% MoM ทำให้ตัวเลขส่งออกมี.ค. เป็นบวกกับ KSL (Not rated), TU, GFPT, ITC  

บรรยากาศลงทุนหุ้นไทยระยะสั้นชะลอตัว แต่คาดความเสี่ยง downside จำกัด และเป็นโอกาสรับการฟื้นตัวช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ภาพรวมหุ้นไทยระยะสั้นชะลอจากความกังวลผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มที่อิงเศรษฐกิจโลก และการปรับพอร์ตของนักลงทุนและสถาบันในประเทศก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ STARK อย่างไรก็ตาม ยังมองภาพรวม พ.ค.-มิ.ย.จะปรับดีขึ้น จาก 1) Honeymoon period rally หลังการเลือกตั้ง จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 2) การหยุดขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดทำให้เกิดบรรยากาศลงทุนที่ผ่อนคลายต่อสินทรัพย์เสี่ยง คล้ายปี 2008 และ 2019 3) การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้เป็น 25-30 ล้านคน (จาก 11.2 ล้านคน) ทำให้หุ้นท่องเที่ยว เริ่มใกล้จุดซื้อคืน เราชอบ ERW, SPA, VRANDA

ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้ ปัจจัยภายนอก ได้แก่ 1)) ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก สัปดาห์ก่อน คาด 250,000 ราย (27 เม.ย.) 2) GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 1/66 คาด 2.0% (27 เม.ย.) // ซึ่งหากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งเกินไป อาจเป็นปัจจัยลบกับบรรยากาศลงทุนระยะสั้นได้ ขณะที่หากต่ำคาดตลาดอาจกลับมากังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย 

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) โดยเฉพาะสาธารณูปโภคและค้าปลีก และหลีกเลี่ยงหุ้นที่ผ่านช่วงที่ผลประกอบการดีที่สุดไปแล้ว (โดยเฉพาะที่ดีสุดไปแล้วจากช่วง WFH) สำหรับกลุ่มโรงแรมที่ปรับลดลงมามาก เรามองใกล้ฟื้นจากผลประกอบการที่จะออกมาดี และการท่องเที่ยวที่จะยังเป็นพระเอกผลักดันเศรษฐกิจในปีนี้

หุ้นแนะนำ: ITC, MGC*, CPALL*, OSP*

แนวรับ: 1,520-1,539 / แนวต้าน : 1,550 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow ชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.1% ใน Q1/66 – ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.5% และจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow สำหรับไตรมาส 2/2566 ในวันที่ 28 เม.ย. 

STARK ชี้แจงหุ้นกู้ 5 ชุดผิดนัด เหตุไม่ส่งงบตามกำหนด มูลค่ารวมกว่า 9 พันลบ.- STARKจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 28 เม.ย. 66 เพื่อพิจารณาวาระที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 1) การยกเว้นเหตุผิดนัดอันเกิดจากการที่ผู้ออกหุ้นกู้ส่งงบการเงินประจำปี 2565 ล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด และ 2) การเรียกให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้ทั้งหมดถึงกำหนดชำระโดยพลัน 

 

ประเด็นติดตาม: 27 เม.ย. – US GDP, Pending Home Sales / 28 เม.ย. – US Core PCE / 1 พ.ค. – US ISM PMI /  2 พ.ค. – US Job Openings, EU CPI / 3 พ.ค. – TH CPI, US ADP Nonfarm Employment, US Non-Manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)