ยังมีโอกาสอ่อนตัวลง เน้นหุ้นที่ผลประกอบการฟื้นตัว ไม่เอาหุ้นที่งบดีสุดไปแล้ว

ยังมีโอกาสอ่อนตัวลง เน้นหุ้นที่ผลประกอบการฟื้นตัว ไม่เอาหุ้นที่งบดีสุดไปแล้ว

ความกังวลภาคธนาคารกดดันบรรยากาศ ตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลงจากความกังวลผลประกอบการของธนาคาร ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ กังวลกับประเด็นที่ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (First Republic Bank) ซึ่งเป็นธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐฯ

รายงานยอดเงินฝากลดลง 40.8% สู่ 1.045 แสนล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.450 แสนล้านดอลลาร์ฯ ทั้งนี้เงินฝากและการให้สินเชื่อที่ชะลอตัวลง ตอกย้ำความกังวลภาคธนาคารจะซ้ำเติมการเกิดเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดในครึ่งปีหลัง 

บรรยากาศลงทุนหุ้นไทยระยะสั้นชะลอตัว การหลุดแนวรับ 1,550 ทำให้ความเสี่ยงปรับลงทดสอบ 1,540 และ 1,520 ตามลำดับ ภาพรวมหุ้นไทยระยะสั้นชะลอจากความกังวลผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มที่อิงเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะ พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์ และอิเล็กทรอนิกส์ และการปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคาร จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่เปลี่ยนไป (จากธีมดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุด ซึ่งไม่กระทบพื้นฐานหรือกำไร แต่ทำให้ตลาดอาจให้น้ำหนักการลงทุนลดลง) อย่างไรก็ตาม ยังมองภาพรวม พ.ค.-มิ.ย.จะปรับดีขึ้น จาก 1) Honeymoon period rally หลังการเลือกตั้ง จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 2) การหยุดขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดทำให้เกิดบรรยากาศลงทุนที่ผ่อนคลายต่อสินทรัพย์เสี่ยง คล้ายปี 2008 และ 2019 
 

ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้   ปัจจัยภายนอก ได้แก่ 1)) ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก สัปดาห์ก่อน คาด 250,000 ราย (27 เม.ย.) 2) GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 1/66 คาด 2.0% (27 เม.ย.) // ซึ่งหากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งเกินไป อาจเป็นปัจจัยลบกับบรรยากาศลงทุนระยะสั้นได้ // สำหรับปัจจัยภายใน 1) ติดตามการรายงานผลประกอบการ DELTA, SCC, BH และ PTTEP และ 2) การประชุมผู้ถือหุ้นกู้ของ STARK ในวันที่ 28 เม.ย. ซึ่งหากไม่มีการอนุมัติยกเว้นเหตุผิดนัดชำระจากการส่งงบล่าช้า อาจทำให้อันดับเครดิตลดลงในระดับผิดนัดชำระได้

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังเน้นเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) โดยเฉพาะสาธารณูปโภคและค้าปลีก และหลีกเลี่ยงหุ้นที่ผ่านช่วงที่ผลประกอบการดีที่สุดไปแล้ว (โดยเฉพาะที่ดีสุดไปแล้วจากช่วง WFH)

หุ้นแนะนำ: BJC*, CPALL*, OSP*, BGRIM*

แนวรับ: 1,520-1,539 / แนวต้าน : 1,550 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 


 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 9.6% ในเดือนมี.ค – กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 9.6% สู่ระดับ 683,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน จากระดับ 623,000 ยูนิตในเดือนก.พ. อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 3.4% ในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 449,800 ดอลลาร์ในเดือนมี.ค. ส่วนสต็อกบ้านใหม่อยู่ที่ระดับ 432,000 ยูนิต

DELTA เทรดพาร์ใหม่ 0.10 บ. 28 เม.ย. - เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) จากมูลค่าที่ตราไว้เดิม  1 บาท เป็นมูลค่าที่ตราไว้ใหม่ 0.10 บาท พร้อมแจ้งเปลี่ยนแปลงหน่วยการซื้อ-ขายหุ้น ขั้นต่ำจากเดิม 50 หุ้น เป็นหน่วยการซื้อ-ขายใหม่ 100 หุ้น โดยมีผลตั้งแต่ 28 เม.ย.66

สัญญาณ 'หุ้นกู้ผิดนัด' เร่งตัวจับตา 'STARK-ALL' ส่อมีปัญหาเพิ่ม - สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย จับสัญญาณหุ้นกู้มีปัญหา "เร่งตัว" ล่าสุด "STARK-ALL" เสี่ยงผิดนัดชำระรวมกันราว 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดผิดนัดคงค้างไตรมาสแรกปี'66 อยู่ที่ระดับ 1 แสนล้าน จับตา "STARK" ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 28 เม.ย.นี้ ชี้ชะตา

 

ประเด็นติดตาม: 26 เม.ย. – US Core Durable Goods Orders / 27 เม.ย. – US GDP, Pending Home Sales / 28 เม.ย. – US Core PCE / 1 พ.ค. – US ISM PMI /  2 พ.ค. – US Job Openings, EU CPI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)