พักตัว หุ้นรายงานพิเศษ ETC (11 เม.ย. 2566)

พักตัว หุ้นรายงานพิเศษ ETC (11 เม.ย. 2566)

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวในแดนบวก พร้อมแรงซื้อเร่งตัวในช่วงบ่าย จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน รวมถึงหุ้นกลุ่มการเงิน และค้าปลีก ที่ได้อานิสงค์จากนโยบายหาเสียง ช่วงเลือกตั้ง และการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,593.13 จุด +16.06 จุด +1.02% มูลค่าการซื้อขาย 36,402 ลบ. ต่างชาติ +2,495.19 ลบ. TFEX +21,096 สัญญา ตราสารหนี้ -4,764.50 ลบ.


ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 101.23 จุด หรือ +0.30% ได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐปรับตัวขึ้นใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อและรายงานผลประกอบการของธนาคารสหรัฐในสัปดาห์นี้
+ บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของจีนเผชิญแรงกดดันมากขึ้นจากลูกค้าในต่างประเทศให้สร้างโรงงานผลิตนอกประเทศจีน เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และการล็อกดาวน์สกัดโควิดนาน 3 ปีของจีน ทำให้ลูกค้าวิตกเกี่ยวกับการพึ่งพาจีนมากเกินไป
+ กองทัพจีนประกาศยุติการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันในวันนี้หลังจากดำเนินการเป็นเวลา 3 วันนับตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อการที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน
+ มณฑลต่าง ๆ ของจีนวางแผนเพิ่มการใช้จ่ายด้านโครงการก่อสร้างที่สำคัญ ๆ เกือบ 20% ในปีนี้ เนื่องจากจีนยังคงพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อควบคุมโรคโควิด-19
+/- ธนาคารโลกปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 2% จากเดิม 1.7% โดยได้ปัจจัยหนุนจากจีนเปิดประเทศ แต่เตือนว่าความวุ่นวายในภาคการธนาคารและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 และธนาคารมีแนวโน้มที่จะดึงให้เครดิตสำรองสำหรับธุรกิจ ชะลอการเติบโต

 

ปัจจัยลบ 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 96 เซนต์ หรือ -1.19% ปิดที่ 79.74 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
 

- สหรัฐและฟิลิปปินส์จะเริ่มซ้อมรบทางทหารร่วมกันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 30 ปีเพื่อแสดงถึงความเป็นพันธมิตรกันครั้งใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากจีนเสร็จสิ้นการซ้อมรบทางทหารรอบเกาะไต้หวัน
- สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเปิดตัวเลขส่งออกข้าวก.พ.ลดลง 25% เหลือไม่ถึง 6 แสนตัน หลังลูกค้าชะลอซื้อเพื่อรอผลผลิตนาปรัง ขณะที่บาทอ่อน 34.0-34.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำข้าวไทยแข่งขันได้
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผย ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือนมี.ค.66 พบว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 95.65 ปรับตัวลดลง 21.0% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์"ทรงตัว" โดย SET index มีความผันผวนจากวิกฤติธนาคารจากการปิดตัวธนาคารสหรัฐฯ และยุโรป
- ธปท.ห่วงภาคครัวเรือนเปราะบาง ยังมีหนี้สูง ธุรกิจขนาดใหญ่มีความสามารถชำระหนี้และทำกำไรลดลง จับตาภาคส่งออกที่กำลังซื้อลด สินเชื่อประกันทะเบียนที่เริ่มเห็นหนี้เสียเพิ่ม

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสพักตัวออกข้าง หลังปรับตัวขึ้นแรงวันก่อน โดยมีแรงหนุนจากเม็ดเงิน Fund Flow ที่ชะลอแรงขายลง ขณะที่ปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบาง เนื่องจากคาบเกี่ยววันหยุดเทศกาล มองกรอบการเคลื่อนไหวในวันนี้ที่ 1,585-1,600 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC STPI
• หุ้นปันผลดี : ADVANC TISCO SCB PT SMIT
• จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น : AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโอเปคพลัสลดกำลังการผลิต : PTTEP TOP PTT SPRC BCP
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL COM7 CPALL

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ 

ETC (Bloomberg Consensus 8.80)

พักตัว หุ้นรายงานพิเศษ ETC (11 เม.ย. 2566)

•ETC ได้ชนะการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม (ปี 2569) พ.ศ.2565 อย่างเป็นทางการ โดยโครงการที่ผ่านการคัดเลือกจำนวนทั้งสิ้น 10 โครงการ จำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 80 เมกะวัตต์ ในอัตรา FiT 6.08 บาท/หน่วย และให้ FiT อัตราพิเศษเพิ่มอีก 0.70 บาทต่อหน่วย สำหรับโครงการขยะอุตสาหกรรม 8 ปีแรก เป็นระยะเวลา 20 ปี การชนะประมูลการประมูลครั้งนี้ จะทำให้ ETC เพิ่มปริมาณการขายไฟขึ้นเป็น 96.5 เมกะวัตต์ โตเกือบ 500% จากปัจจุบัน ETC มีโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 3 โครงการ และมีสัญญาขายไฟฟ้าจำนวน 16.5 เมกะวัตต์

•ผู้บริหาร เผยใช้เงินลงทุนราว 1.6 หมื่นลบ.เพื่อลงทุนทั้ง 10 โครงการ คาดว่าจะใช้เงินกู้ราว 1.2 หมื่นลบ. และใช้เงินของบริษัทราว 4 พันลบ. ซึ่งมาจากเงินสดในมือ 1.6 พันลบ.+หุ้นกู้ 2 พันลบ. และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 4/2566 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568

ความเห็น เรามุมมองบวกต่อการชนะประมูลโรงไฟฟ้า 10 โครงการกำลังการผลิตรวม 80 เมกะวัตต์ ช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2568 อย่างไรก็ตาม เราจึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจากใช้เวลาอีกราว 2 ปีกว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้

 

หุ้นมีข่าว

(+) BAM (Bloomberg consensus 19.10 บาท) กวาดเอ็นพีแอลเข้าพอร์ตโค้งแรกเฉียด 5 พันล้านบาท ปีนี้มีสิทธิเกินเป้า 9 พันล้านบาท ชี้ไตรมาสแรกเรียกเก็บเงินสดได้เยอะ 3.4 พันล้านบาท เปิดกลยุทธ์ขาย NPA โปรโมชั่น มีผ่อนแถมผูกมิตรแพลตฟอร์มขาย NPA ต่อเนื่อง เปิดโครงการจูงใจ NPL ปิดหนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BAFS (Bloomberg consensus 36.75 บาท) ปริมาณเติมน้ำมันเครื่องบินโตแกร่ง นักท่องเที่ยวจีนหนุนกลับมาระดับ 11-12 ล้านลิตรต่อวัน มีโอกาสปรับเป้าขึ้น จากปัจจุบันคาดโต 40% แตะ 4.2 พันล้านลิตร ส่วน FPT ส่งน้ำมันทางท่อแตะ 600 ล้านลิตร ซุ่มดีลลงทุนพลังงานสะอาดต่อเนื่อง คาดชัดเจนไตรมาส 2-3/2566 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TACC (ราคาเหมาะสม 7.60 บาท) ทุ่ม 40 ล้านบาท ปิดดีลควบรวมธุรกิจสุขภาพและความงามจากประเทศเกาหลี พร้อมเปิดบริษัทย่อย "เฮลธ์ อินสไปร์ด แพลนเนต" จ่อบุ๊กรายได้เข้าทันทีในไตรมาส 2/2566 ตั้งเป้าโกยรายได้ภายในปี 2567 ทะลุ 100 ล้านบาท เตรียมขายผ่านออนไลน์- รีเทล (ที่มา ทันหุ้น)

(+) WICE (Bloomberg consensus 10.55 บาท) อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร 2-3 ราย ผนึกกำลังเดินหน้าต่อยอดธุรกิจ "อีวี โลจิสติกส์" คาดชัดเจนครึ่งปีหลัง 2566 ด้านปริมาณงานขนส่งโดยรวมไตรมาสแรกยังทรงตัว เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน มองทิศทางครึ่งปีหลัง 2566 ปรับตัวดีขึ้น ความต้องการยุโรป-สหรัฐกลับมา ล่าสุดยื่นไฟลิ่ง ETL บริษัทย่อย เตรียมเข้าเทรดไตรมาส 3 นี้ ขยายธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดน (ที่มา ทันหุ้น)