TU - เน้นลดต้นทุนดันกำไรโต (22 ก.พ. 2566)

TU - เน้นลดต้นทุนดันกำไรโต (22 ก.พ. 2566)

กำไรปกติ 4Q ลดลง 12% yoy และ 13% qoq เหลือ 1.59 พันล้านบาท เรามีมุมมองบวกกับแนวโน้มปี 2023 โดยบริษัทจะเน้นลดต้นทุนในกระบวนการผลิต (conversion cost) เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นในระยะยาว เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 20 บาท 

กำไรจากปกติใน 4Q ลดลง 12% yoy และ 13% qoq เหลือ 1.59 พันล้านบาท

ผลประกอบการเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้แต่ต่ำกว่าประมาณการของเรา 18% เพราะ 1) อัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q อยู่ที่ 17.3% ต่ำกว่าสมมติฐานของเราที่ 18.0% และ 2) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น

 

แนวโน้มเป็นบวกในปี 2023

บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 5-6% yoy โดยคาดว่ายอดขายของธุรกิจ  อาหารทะเลแปรรูป และอาหารทะเลแช่แข็งในปีนี้จะโตในอัตราที่ชะลอลงที่ +3-5% yoy นอกจากนี้ ยังคาดว่ายอดขายของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะโต 15% yoy ทั้งนี้ TU ยังเดินหน้าลงทุนในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของต้นทุน และระบบautomation พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายที่จะลดต้นทุนในกระบวนการผลิต (conversion cost) ลงปีละ 3% ในช่วงปี 2022-2025 โดยเฉพาะที่โรงงานในประเทศไทย เราประเมินว่าการลด conversion cost ลงจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นปีละ 0.5% ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เป็น 18.0-18.5% จาก 17.6% ในปี 2022 และตั้งเป้าจะลดสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายในปีนี้ลงเหลือ 11-12% จาก 12.3% ในปี 2022

 

 

 

 

 

 

Red Lobster จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม

ร้านอาหาร Red Lobster Restaurant (RL) ยังคงเป็นความเสี่ยงหลักของ TU เพราะอุปสงค์อาจจะลดลงจากความกังวลว่าจะเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ในขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนจะลดส่วนแบ่งผลขาดทุนลงจาก 1.2 พันล้านบาท เหลือ 600 ล้านบาทในปี 2023 โดยการ 1) ขึ้นราคาเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 2) ลดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และลดต้นทุนคงที่ลง อย่างเช่น ค่าเช่า และ 3) ปรับโครงสร้างองค์กรโดยใช้ทีมผู้บริหารระดับสูงชุดใหม่

 

คงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 20 บาท

ราคาหุ้นลดลงเหลือ 16.10 บาท อิงจาก EPS ปี FY22 ที่ 11.0x เท่ากับค่าเฉลี่ยห้าปีย้อนหลัง -1.5 S.D. ซึ่งหมายความว่าราคาหุ้นมี downside จำกัด แต่มี upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีกถึง 24% ทั้งนี้ จาก risk-reward ที่น่าสนใจทำให้เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ TU