MAKRO ผลประกอบการ 4Q65: กำไรดีขึ้น (21 ก.พ. 2566)

MAKRO ผลประกอบการ 4Q65: กำไรดีขึ้น (21 ก.พ. 2566)

กำไรปกติของ MAKRO ใน 4Q65 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท (+4% YoY, +54% QoQ) ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดเอาไว้ ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลักในปี 2565 อยู่ที่ 7.7 พันล้านบาท (+10% YoY) สูงกว่าประมาณการเต็มปีของเรา 8%

ทั้งนี้ คณะกรรมการของบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.33 บาท/หุ้น (กำหนดขึ้น XD วันที่ 27 เมษายน กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 17 พฤษภาคม 2566) และเปลี่ยนชื่อบริษัท เป็น CP Axtra PCL พร้อมทั้งเปลี่ยนสัญลักษณ์หลักทรัพย์ของบริษัท เป็น CPAXT

 

ธุรกิจค้าส่ง: SSSG ใน 4Q65 อยู่ระดับเลขตัวเดียวสูง ๆ

ยอดขายใน 4Q65 อยู่ที่ 6.61 หมื่นล้านบาท (+12% YoY, +10% QoQ) ส่งผลให้ยอดขายในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 2.42 แสนล้านบาท (+10% YoY) จากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ ในขณะที่ SSSG ใน 4Q65 อยู่ที่ 11.2% (ทรงตัว YoY, +60bps QoQ) เพราะปัจจัยฤดูกาล ซึ่งทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 อยู่ที่ 10.5% (เป็นไปตามประมาณการของเรา) สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 8.6% ใน 4Q65 (จาก 9.4% ใน 3Q65 และ 8.6% ใน 4Q64) ทั้งนี้ บริษัทเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 8 สาขาใน 4Q65 ทำให้จำนวนสาขาทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 162 สาขา (ในประเทศไทย 152 สาขา และ ในต่างประเทศ 10 สาขา) โดยสรุปแล้ว กำไรสุทธิในปี 2565 ของธุรกิจค้าส่งอยู่ที่ 7 พันล้านบาท (+8% YoY)

 

ธุรกิจค้าปลีก: SG&A และต้นทุนทางการเงินยังคงกดดัน

ยอดขายปลีกใน 4Q65 อยู่ที่ 5.13 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายในปี 2565 อยู่ที่ 2.05 แสนล้านบาท (+449% YoY) สำหรับการดำเนินงานในช่วง 25 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2565 โดยอัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q65 อยู่ที่ 18.1% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 อยู่ที่ 18.6% (จาก 19.8% ในปี 2564) ทั้งนี้ Occupancy rate ของพื้นที่เช่า ดูเหมือนจะกลับมาอยู่ระดับใกล้ปกติแล้วที่ 90% ในกรณีของ Lotus’s ในประเทศไทย และ 93.2% ในกรณีของ Lotus’s มาเลเซีย ในขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ที่ 4.12 หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายสาขา, ระบบ IT ใหม่ และต้นทุนในการรีแบ
รนด์ โดยสรุปแล้ว กำไรสุทธิของธุรกิจค้าปลีกในปี 2565 อยู่ที่ 623 ล้านบาท

 

 

 

ปรับสมมติฐาน และประมาณการกำไรปี 2566 เล็กน้อย

เราได้ทบทวนสมมติฐานปี 2566-2567 ใหม่ ประกอบด้วย SSSG (เพื่อสะท้อนแนวโน้มบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 28 ล้านคนในปี 2566 และเป็น 38 ล้านคนในปี 2567) อัตรากำไรขั้นต้น พื้นที่ปล่อยเช่า และ occupancy rate (ดังแสดงใน Figure 2) ดังนั้น เราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2566 ประมาณ 4% ซึ่งจะทำให้กำไรในปี 2566 โต 64% และปี 2567 โต 13%

 

Valuation & action

เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 จาก 40.00 บาท เป็น 42.00 บาท อิงจาก PER ที่ 35.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของ MAKRO และ C.P. All (CPALL.BK/CPALL TB)* +1.0 S.D.) ทั้งนี้ เนื่องจากเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีกไม่มากแล้ว เราจึงปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ”

 

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ราคาสินค้าเกษตรลดลง, ขยายสาขาได้น้อยกว่าแผนที่กำหนดไว้, disruption ที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการในต่างประเทศ