HTC - เจ็บแต่จบ (16 กุมภาพันธ์ 2566)

HTC - เจ็บแต่จบ (16 กุมภาพันธ์ 2566)

เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q22 จะอยู่ที่ 68 ล้านบาท ลดลง 10% yoy และ 39% qoq เนื่องจากมีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 30 ล้านบาทจากการปิดบริษัทลูก เรายังคงคำแนะนำซื้อ HTC โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 38 บาท

เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการจะถูกขับเคลื่อนโดย 1) การปรับขึ้นราคาขายเฉลี่ย 5% ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 และ 2) อุปสงค์ที่แข็งแกร่งเพราะได้แรงสนับสนุนจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายของเราอิงจาก EPS ปี FY23F ที่ 12.5x

 

คาดว่าดกำไรใน 4Q จะลดลง yoy เพราะผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์

เราคาดว่ายอดขายใน 4Q จะเพิ่มขึ้น 8% yoy แต่จะลดลง 4% qoq เพราะปัจจัยฤดูกาล โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้น yoy จะมาจาก 1) ปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น 4%  และ 2) ราคาขายเฉลี่ย (ASP) สูงขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 40.5% จาก 38.5% ใน 4Q21 และ 39.0% ใน 3Q22 อย่างไรก็ตามบริษัทจะบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ราว 30 ล้านบาท เนื่องจากมีการปิดบริษัทลูกในธุรกิจการค้าและอาหาร ดังนั้น เราจึงประเมินว่ากำไรสุทธิใน 4Q จะอยู่ที่ 68 ล้านบาท ลดลง 10% yoy และ 39% qoq

 

 

 

การปิดบริษัทลูกจะช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้นในระยะยาว

บริษัทอาจจะยังต้องบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์เพิ่มอีกประมาณ10-20 ล้านบาทใน 1Q23 แต่จะทำให้ผลขาดทุนลดลงได้ถึงปีละ 45 ล้านบาท เมื่ออิงจากผลขาดทุน 33.4 ล้านบาทจากบริษัทลูกเหล่านี้ในงวด 9M22 (19.4 ล้านบาทจากธุรกิจการค้า และ 14 ล้านบาทจากธุรกิจอาหาร)

 

คงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 38 บาท

เราปรับลดประมาณการกำไรปี FY22F ลง 17% เหลือ 400 ล้านบาท หลังจาก 1) รวมผลกระทบของรายการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ประมาณ 30 ล้านบาท และ 2) ปรับเพิ่มสมมติฐานสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายเพื่อสะท้อนค่าธรรมเนียมจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณยอดขายผ่านช่องทาง modern trade ที่เพิ่มขึ้น เรายังคงคำแนะนำซื้อ HTC หนุนโดยผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2023 นี้จาก 1) การปรับขึ้นราคาขายเฉลี่ย 5% ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 และ 2) อุปสงค์ที่แข็งแกร่งเพราะได้แรงสนับสนุนจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายของเราอิงจาก EPS ปี FY23F ที่ 12.5x