ตลาดยังมีแนวโน้มถูกกดดันจากการรายงานกำไรที่ต่ำกว่าคาด

ตลาดยังมีแนวโน้มถูกกดดันจากการรายงานกำไรที่ต่ำกว่าคาด

เงินเฟ้อสหรัฐฯ ม.ค. +0.5% MoM และ +6.4% YoY เงินเฟ้อเทียบรายเดือนเป็นไปตามคาด ขณะที่เงินเฟ้อเทียบรายปี สูงกว่าคาดการณ์ที่ +6.2% YoY

เงินเฟ้อที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงทำให้ตลาดกังวลกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จุดสูงสุดของการขึ้นดอกเบี้ยอาจขยับขึ้นไปเกิน 5.00-5.25%  ทั้งนี้ ตลาดหุ้นมีแนวโน้มอ่อนไหวต่อความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยและผลตอบทนพันธบัตรจากทิศทางปริมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในวัฏจักรของการปรับประมาณการลง (Earnings downgraded cycle) เรามองแรงกดดันดังกล่าวจะชะลอลงหลังบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่รายงานผลประกอบการแล้ว

 

กลุ่มสถานีบริการน้ำมันมีสัญญาณเชิงบวก หลังกบง.เห็นชอบปรับค่าการตลาดน้ำมันกลับสู่ภาวะปกติที่เฉลี่ยประมาณ 2 บาท/ลิตร ผลคือ 1) ค่าการตลาดดีเซลจากที่ถูกควบคุมไม่เกิน 1.40 บาท จะปรับเพิ่มเป็น 2 บาท ทำให้แรงกดดันกลุ่มสถานีบริการน้ำมันลดลง 2) ราคาน้ำมันเบนซินลดลง (หลังจากก่อนหน้านี้ผู้ค้าต้องขึ้นค่าการตลาดเบนซิน เพื่อมาชดเชยค่าการตลาดดีเซลที่ถูกควบคุม) เป็นบวกต่อยอดขายและปริมาณการใช้ // มาตรการกังกล่าวเป็นบวกต่อหุ้นที่มีส่วนของสถานีบริการน้ำมัน ได้แก่ PTG, OR, SUSCO, BCP เป็นต้น 

 


 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON, ASW, S, CBG, AEONTS, SAMART, SDC 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดอาจจะผันผวนจากการปรับพอร์ตของต่างชาติและการรายงานงบรายตัวในระยะสั้น การเก็งกำไรระยะสั้นเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ กลุ่มเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย, ค้าปลีก (ที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวกลับมา), ปิโตรเคมี, การเงิน, โภคภัณฑ์ (เฉพาะเหล็กและน้ำตาล) และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, SAMART, SDC เป็นต้น //หุ้นแนะนำ: PTG*, ROJNA*, KSL*, SAMART*

แนวรับ: 1,650-1,658 / แนวต้าน : 1,670 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

นักลงทุนกลัวเฟดขึ้นดอกเบี้ยนานกว่าคาดแตะ 5.5% – นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค., พ.ค. และมิ.ย. สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค.

สหรัฐเตรียมระบายน้ำมัน 26 ล้านบาร์เรลจากคลังสำรอง – จะทำการจำหน่ายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) แม้ว่าขณะนี้ปริมาณน้ำมันในคลังอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2526

ขยายเวลา 4 แบงก์รัฐ ลดส่งเงินเข้ากองทุนเหลือ 0.125% อีก 1 ปี – สำหรับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ธอท.) โดยปรับลดเงินนำส่งเหลือ 0.125% ต่อปี ถึง 31 ธ.ค.66 และให้กลับไปใช้อัตรา 0.25% ต่อปี สำหรับปี 67 เป็นต้นไป

ครม.อนุมัติเตรียมพร้อมเปิดสนามบินอู่ตะเภา - อนุมัติให้บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ดำเนินโครงการจัดเตรียมความพร้อมในการให้บริการเดินอากาศ ณ สนามบินอู่ตะเภา วงเงินลงทุน 1,256 ล้านบาท พร้อมอนุมัติการจัดหาแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการจากเงินกู้ระยะยาววงเงิน 1,256 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันวงเงินกู้

BANPU เตรียมลงทุน Shale Gas ในสหรัฐ พร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นนิวยอร์ก - กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อสินทรัพย์ด้านพลังงานเพิ่มเติมในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ หลังจากที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้าขนาด 700 เมกะวัตต์ในรัฐดังกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2564

TRUE แจ้งเปลี่ยนแปลงชื่อย่อเป็น TRUEE – TRUE แจ้งตลท.เปลี่ยนแปลงชื่อย่อการซื้อขายเป็น TRUEE เพื่อไม่ให้ซ้ำกับบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกับ DTAC ซึ่งจะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น “TRUE”

GUNKUL (Not rated) – ศาลปกครองนครราชสีมาพิพากษาเพิกถอนที่ดิน 32 แปลง 2 พันไร่ ของบ.ย่อย กระทบกำลังการผลิต 40MW ซึ่งถือหุ้น 50% โดย GUNKUL ซึ่งเรามองผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นราว 5% ขณะที่ไม่กระทบต่อแผนเสนอขายไฟพลังงานทดแทน 20 โครงการ 800MW ที่จะประกาศ 22 มี.ค. ราคาที่ลดลงเป็นโอกาสในการทยอยสะสม Consensus ให้ราคาเหมาะสม 5.80 บาท

ตลท.ต่อเวลา SKY ใช้ Cash Balance - ถึง 7 มี.ค.66

 

ประเด็นติดตาม: 15 ก.พ. – EU Core Retail Sales, US Retail Sales / 16 ก.พ. – US Building Permits, US PPI / 20 ก.พ. – TH GDP Q4 / 21 ก.พ. – US Existing Home Sales / 23 ก.พ. EU CPI, US GDP Q4

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)