RATCH ประมาณการ 4Q65F: ซบเซาตามฤดูกาล (6 ก.พ. 2566)

RATCH ประมาณการ 4Q65F: ซบเซาตามฤดูกาล (6 ก.พ. 2566)

RATCH จะส่งงบวันที่ 1 มี.ค. 66 เราคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q65F อยู่ที่ 1.60 พันลบ. (-29% QoQ, -25%YoY) แต่หากไม่รวมกำไร FX กำไรหลักจะอยู่ที่ 1.48 พันลบ. (-41% QoQ, -25% YoY)

เพราะเป็นช่วง low season ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำและโรงไฟฟ้าพลังลม, การปิดซ่อมบำรุงตามแผน, และ SG&A เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล เราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือจะลดลง 39% QoQ เพราะมีการปิดซ่อมบำรุงโครงการหงสา (15 วัน), โรงไฟฟ้าพลังน้ำ (PNPC, NN2) ที่แย่ลง แต่ทั้งนี้เราคาดว่ากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น 7% QoQ จาก SPPs ที่แข็งแกร่งขึ้น (นำโดย RCO และ SCG) ตามการขึ้นค่า Ft และต้นทุนก๊าซลดลง ถึงแม้เราคาดว่ารายได้ของ RATCH จะลดลง 16% QoQ จาก AP ลดลงเพราะปิดซ่อมบำรุง RG และแรงลมโครงการ RAC อ่อนตามฤดูกาล หากกำไรตามคาด กำไรหลักปี 2565F จะอยู่ที่ 7.37 พันลบ.(-3% YoY)

 

ประมาณการ 1Q66F – คาดว่ากำไรจะดีดตัวขึ้นอย่างน่าประทับใจทั้ง QoQ และ YoY

เราคาดว่ากำไรหลักใน 1Q66F จะดีดตัวขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากการเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานของ NEJV เป็นครั้งแรก (ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 65), RG กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง, และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยชดเชยผลกระทบจากช่วง low season ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (PNPCNN2, Asahan) ไปได้บางส่วน นอกจากนี้ เรายังคาดว่า margin ของโครงการ SPPs น่าจะดีขึ้นอีก เนื่องจากมีการขึ้นค่า Ft ในขณะที่ราคาก๊าซทรงตัว ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังอาจจะเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการ Paiton เป็นครั้งแรกถ้าหากสามารถปิดดีลได้เรียบร้อยใน 1Q66 ตามที่ผู้บริหารยืนยัน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไรสุทธิของ RATCH ยังขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน US$/AUD และ US$/JPY ด้วย

 

 

 

2023 – ปีแห่งการเติบโต และความท้าทายของ RATCH

เรายังคงคาดว่ากำไรหลักในปี 2566F จะเพิ่มขึ้น 43% YoY เป็น 1.06 หมื่นลบ. ใกล้เคียงกับตลาดคาดหนุนจาก Paiton & NEJV และต้นทุนก๊าซของ SPP ที่ลดลง ในขณะที่คาดว่า EPS จะยังคงได้รับผลกระทบจาก dilution effect ทั้งนี้ดูเหมือนว่าตลาดจะย่อยข่าวการเข้าซื้อ Paiton ซึ่งคาดว่าจะปิดดีลได้ใน 1Q66 ไปเรียบร้อยแล้ว เราคิดว่าหากดีลนี้ล่าช้าออกไปอีกอาจจะทำให้มีการปรับลดประมาณการกำไรลงอีกระลอกได้ เรามองว่าความท้าทายหลักของ RATCH อยู่ที่การจะเพิ่ม ROE กลับไปอยู่ระดับสองหลักให้ได้เหมือนกับในอดีต (8.98% ในงวด 9M65) หลังการเพิ่มทุนรอบล่าสุด ทั้งนี้ RATCH กำลังศึกษาโครงการใหม่ ๆ (โดยเฉพาะโครงการ RE ) และมีแผนจะออกหุ้นกู้เพื่อชำระคืนหนี้

 

Valuation & Action

เราคงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ที่ 43 บาท จากแนวโน้มการเติบโต และอัตราผลตอบแทนในระดับปานกลาง เราจึงมองว่าราคาหุ้นดูเหมาะสมแล้ว เราคิดว่าถ้ามีดีลขนาดใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจ พอที่จะชดเชยผลของ dilution effect ได้ ก็อาจจะทำให้เราปรับเพิ่มคำแนะนำได้ในระยะต่อไป เราแนะนำให้นักลงทุนที่มุ่งแสวงหาผลตอบแทน Yield seekers และต้องการลงทุนแบบ (defensive สามารถสามารถถือรอรับปันผลซึ่งมีอัตราผลตอบแทนที่ 4% ต่อปีได้)

 

Risks

การปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย