BOE และ ECB ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด (3 ก.พ. 2566)

BOE และ ECB ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด (3 ก.พ. 2566)

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาด โดยมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนแรงขายมาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงราว -3%

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,682.58 จุด -3.17 จุด -0.19% มูลค่าการซื้อขาย 62,320 ลบ. ต่างชาติ -2,663.90 ลบ. TFEX -15,772 สัญญา ตราสารหนี้ -3,804.55 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 0.7% ใน 1Q66 ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้
+ จีนประกาศอนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวและบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ทั่วประเทศสามารถจัดการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ รวมถึงธุรกิจ "ตั๋วเครื่องบิน + โรงแรม" สำหรับชาวจีนไปยังประเทศไทยและอีก 19 ประเทศ ตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป
+ บอร์ดอีวีพิจารณามาตรการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่เพื่อส่งเสริมให้เกิดฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจรในประเทศไทย หลังจากภาครัฐได้กำหนดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าตามนโยบาย 30@30 หรือการผลิต 30% ในปี 2030 (พ.ศ.2573)

 

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 39.02 จุด -0.11% ถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทเฮลธ์แคร์ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ที่ออกมาดีเกินคาด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 53 เซนต์ -0.7% ปิดที่ 75.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และข้อมูลภาคการผลิตที่ซบเซาของสหรัฐ
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติ 7-2 ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.0% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกัน โดยส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มผ่านระดับสูงสุดแล้ว และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
 

- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อคืนวานนี้ตามการคาดการณ์ของตลาด และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน และส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
- รมว.คลัง ยืนยันว่ากระทรวงการคลังไม่มีการเลื่อนการเก็บภาษีขายหุ้นอย่างแน่นอน โดยยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ยังระบุไม่ได้ว่าจะลงประกาศราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้เมื่อใด

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดย BoE และ ECB มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามตลาดคาด ขณะที่ตลาดยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ลดลงต่อเนื่อง มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,675-1,690 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• จีนเปิดประเทศ+เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
• หุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับขึ้นตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ : GPSC BGRIM RATCH
• หุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน : EA TSE SSP SUPER PRIME
• หุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า : EA GPSC BCP OR DELTA
• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                      ASW (Bloomberg Consensus 10.00 บาท)

BOE และ ECB ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด (3 ก.พ. 2566)

•ปี 2022 เปิดโครงการทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่ารวม 10,700 ลบ. สำหรับเป้าปี 2023 บริษัทตั้งเป้า เปิดโครงการจำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวม 22,500 ลบ. เติบโต 110% สัดส่วน คอนโด 70% แนวราบ 30% คอนโดมิเนียม ได้แก่ แบรนด์ KAVE 5 โครงการ ATMOZ 2 โครงการ MODIZ 3 โครงการ และแนวราบ แบรนด์ HONOR, THE ARBOR เป้าหมาย Pre-sale 15,000 ลบ. โดยบริษัทคาดจะรับรู้รายได้ราว 7,200 ลบ.

ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทในปี 2023 เป็นการเติบโตก้าวกระโดดจากปี 2022 โดยกำไรในช่วง 9M22 เท่ากับ 689 ลบ. คิดเป็น 80% ของประมาณการทั้งปี (อ้างอิงกำไรเฉลี่ยจาก Bloomberg Consensus ) %NPM ที่ 18% เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่ม PROP ที่ 15% ปลายงวด 9M22 มี backlog จำนวน 12,935 ลบ. โดยคาดว่ามีการโอนใน 4Q22 ราว 3,695 ลบ. โอนในปี 23 ราว 9,240 ลบ. และ Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิปี 2023 เฉลี่ย 1,119 ลบ. เติบโตราว 31%YoY ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายที่ P/E ระดับ 7.6x และ IAA Consensus คาด Yield เฉลี่ย 6.4%

 

หุ้นมีข่าว

(+) KISS (Bloomberg consensus 11.10 บาท) รับทัวร์จีน ชี้หนุนยอดขายพุ่ง พร้อมจ่อคลอด 40 โปรดักต์ใหม่ สยายปีกรับทรัพย์เพิ่ม ปักหมุดปี 2566 รายได้ทะยานต่อเนื่องจากปีก่อน รับเศรษฐกิจ ฟื้นตัว ดีมานด์ขยายตัว แถมมองหาโอกาสสยายปีกต่างแดนต่อยอดโกยเงินระยะยาว (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ITNS (Bloomberg consensus 6.50 บาท) ตื่นตัวภาครัฐ เอกชนเปิดประมูลโครงการ พันล้านบาท มั่นใจคว้างานเติมพอร์ตได้ 40-50% ตามสถิติ บิ๊กบอส "สมชาย อ่วมกระทุ่ม" สั่งจับตาธุรกิจเช่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โตกระโดด 150% เร่งเครื่องขยายฐานเต็มสูบ โชว์แบ็กล็อกแน่น 400 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) KSL (Bloomberg consensus 4.95 บาท) รับโชคราคาน้ำตาลพุ่ง ดีมานด์บริโภคฟื้นตัว ทั่วโลก ระบุปีนี้ปริมาณอ้อยเข้าหีบแตะ 7.6-7.7 ล้านตัน ส่วนปริมาณการผลิตคาดว่าจะอยู่ที่ 8.4 แสนตัน เตรียมออกสินค้ารีเทล กระตุ้นยอดขายไตรมาส 2/2566 เผยผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน มองโอกาสสร้างรายได้ประจำ ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าปีนี้รายได้ดี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) KTMS (ราคาเหมาะสม 4.12 บาท) เดินหน้าขยายสาขาใหม่ 14 แห่งทั่วประเทศ รุกให้บริการศูนย์ไตเทียมในโรงพยาบาล และคลินิกเวชกรรมเฉพาะทาง ด้านบริษัทย่อยลุยชิงงานกว่า 30 ล้านบาท มั่นใจดันผลงานปีนี้โตเด่น 45% ทะลุระดับ 500 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)